ความสำเร็จของแบดมินตันไทยในสุธีรมานคัพ ... One for All and All for One
ก่อนอื่น..ต้องขอแสดงความชื่นชมกับทีมแบดมินตันทีมชาติไทย ที่สร้างผลงานในการแข่งขันแบดมินตันชิงแชมป์โลกประเภททีมผสม หรือสุธีรมานคัพ TOTAL BWF Sudirman Cup 2017 ที่สามารถคว้าอันดับ 3 ในการแข่งขันที่ออสเตรเลียเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
|
|
ว่าไปแล้ว การมาถึง"อันดับ 3"ต้องบอกว่า"เกินเป้า" เพราะเบื้องต้น สมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยฯ ตั้งความหวังว่าเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย และเมื่อจับสลากในรอบ 8 ทีมเจอ "เต็ง 2" คือเดนมาร์ค แฟนแบดมินตันไม่น้อยที่คาดว่าไทยอาจจะแพ้เดนมาร์ค แต่ในขณะเดียวกัน ก็ยังตั้งความหวังลึกๆว่าไทยสามารถโค่นเดนมาร์คเข้ารอบรองชนะเลิศได้ และสุดท้าย นักกีฬาและทีมงานผู้ฝึกสอน สามารถทำผลงานนั้นได้สำเร็จ |
ถ้าไม่ปฏิเสธความจริง ก็ต้องยอมรับว่า ในสุธีรมานคัพครั้งนี้ ทีมที่มีศักยภาพที่จะเป็น"แชมป์" มีเพียง 4 ชาติ คือ จีน ที่"อ่อน"เพียงประเภทหญิงเดี่ยว ขณะที่เต็ง 2 คือเดนมาร์ค ก็ไม่มีนักแบดมินตันหญิงเดี่ยวระดับโลก เต็ง 3 เกาหลี ที่ขาดผู้เล่นประเภทคู่ผู้ชาย เนื่องจากนักกีฬาตัวหลักของทีมในประเภทนี้ ต่างเลิกเล่นทีมชาติพร้อมกัน และเต็ง 3 ร่วมคือญี่ปุ่น ที่ขาดผู้เล่นชายเดี่ยวหลัง"แบน"นักตบมือหนึ่งของทีมที่พบว่าไปเล่นพนันในคาสิโน |
|
|
ขณะที่ทีม"ม้ามืด" ก็มี"อินเดีย" ที่จะมีแต้มแน่ๆ ในประเภทหญิงเดี่ยว "อินโดนีเซีย"ซึ่งมีผู้เล่นประเภทคู่แข็งแกร่ง "ไต้หวัน"ที่มีหญิงเดี่ยวชูโรงและผู้เล่นประเภทคู่ติดอันดับโลก และ"ไทย" ที่มีหญิงเดี่ยวและนักตบคู่ผสมเป็นกำลังสำคัญ
สุดท้าย ทีม"ม้ามืด"ที่เป็นม้านอกสายตา"ก็ผ่านเข้ามาเพียงทีมเดียวในรอบ 4 ทีมสุดท้าย นั่นคือ THAILAND ที่คว้าอันดับ 3 ร่วมกับญี่ปุ่น เมื่อแพ้"แชมป์" เกาหลี ในรอบรองชนะเลิศ 1-3
|
|
ความสำเร็จของทีมชาติไทยครั้งนี้ ต้องบอกว่า มาจากการทำงานร่วมกันของ"ทุกคน"ในรูปแบบ One for All and All for One คือรวมพลังเป็นหนึ่งเดียว ยามที่ลงสนาม นั่นคือเป็น THAILAND ไม่มีคำว่า บ้านทองหยอด SCG หรือสโมสรใดๆ
ต้องขอชื่นชม "คุณหญิง ปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล" นายกสมาคมกีฬาแบดมินตันไทยฯที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลในการเปลี่ยนแปลงทีมงานผู้ฝึกสอนโดยการจ้าง "เร็กซี่ ไมนากี้"มาเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนของทีมชาติไทย และจ้างนักกายภาพชาวญี่ปุ่น "ทากูยะ โฮริกาวา" ที่เชี่ยวชาญในวงการแบดมินตันระดับโลกเพื่อมาดูแลสภาพนักกีฬาของไทย |
และที่ไม่ขอบคุณไม่ได้เลยคือ SCG โดย "โค้ชโอม" เทศนา พันวิศวาส ที่สามารถสร้างนักกีฬาประเภทคู่ผสม "ปอป้อ-บาส" ออกมาล้มชาติต่างๆที่ฝีมือดีและเก็บแต้มให้ทีมไทย 1 แต้มจากคู่นี้ทุกๆครั้ง จนตอนนี้คู่ผสมของเรากลายเป็นคู่ระดับท้อปของโลกโดยไม่มีข้อกังขาแล้ว
อีกหนึ่งกำลังหลักสำคัญจากบ้านทองหยอดโดย "โค้ชเป้" ภัททพล เงินศรีสุข ที่ดูแลน้องเมย์จนบอกได้ว่าเป็นกำลังหลักสำคัญของทีมชาติไทยไปได้อีกนาน |
|
|
ในการเดินทางไปครั้งนี้ เมื่อ "เร็กซี่ ไมนากี้" หัวหน้าโค้ชทีมชาติไทยติดภารกิจ ก็มอบหมายให้ "โค้ชโอม" เทศนา พันวิศวาส ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าทีมผู้ฝึกสอนในการแข่งขันรายการนี้ ส่วนสตาฟฟ์โค้ชก็มี "โค้ชเป้" ภัททพล เงินศรีสุข "โค้ชส้ม" สราลีย์ ทุ่งทองคำ และ "โค้ชอาร์ต" กฤติน กฤตตานุกูลย์ และเมื่อทุกคนอยู่ในสนามแข่งขัน ก็ไม่มีคำว่าค่าย สโมสร หรืออื่นๆ หากแต่มีคำว่า”ทีมชาติไทย”อยู่ในหัวใจ |
|
|
|
|
|
|
ขณะที่”นักกีฬา” ก็ไม่มีการแยกว่าใครมาจากไหน ใครมาจากสโมสรไหน ทุกคนพร้อมที่จะทำหน้าที่เป็นตัวแทนประเทศเพื่อลงสนาม เพราะมั่นใจว่าทีมงานผู้ฝึกสอนมั่นใจแล้วว่า"เหมาะสม" ดังจะเห็นได้ว่า ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย เมื่อสตาฟฟ์โค้ชเลือก "ปอป้อ" ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย มาลงเล่นหญิงคู่กับ "กิ๊ฟ" จงกลพรรณ กิติธรากุล และสามรารถทำแต้มสำคัญเอาชนะ Kamilla Rytter JUHL กับ Christinna PEDERSEN ทำให้ไทยเข้ารอบรองชนะเลิศ ก็จะเห็น"วิว" รวินดา ประจงใจ วิ่งลงสนามเป็นคนแรกๆไปยินดีกับเพื่อนร่วมทีม |
หรือในรอบรองชนะเลิศ การเลือก"บาส" เดชาพล พัววรานุเคราะห์ ลงเล่นชายคู่กับ "อาท" บดินทร์ อิสระ รวมทั้งชายเดี่ยวที่โค้ชเลือก "ไบรท์" สัพพัญญู อวิหิงสานนท์ เพราะเห็นว่าเหมาะสมกว่า"สอง" ทนงศักดิ์ แสนสมบูรณ์สุข ก็ไม่มีปฏิกิริยาไม่พอใจจากนักกีฬาคนเดิม เพราะทุกคน"เข้าใจ"และ"เชื่อใจ" ว่าเป็นการเลือกเพื่อชัยชนะ และ"มั่นใจ" ว่าเพื่อนร่วมทีมที่ถูกเลือก จะทำหน้าที่ดีที่สุด
นี่คือ"ทีมเวิร์ค"ที่นำไปสู่ความสำเร็จของไทยในแบบ One for All and All for One |
|
|
แม้จะไม่ได้แชมป์ ได้แค่อันดับ 3 แต่ก็ต้องถือว่า กองทัพนักแบดมินตันชุดนี้ ทำหน้าที่ได้ดีที่สุดตามที่คนไทยร่วมส่งกำลังใจเชียร์ จึงขอบันทึกรายชื่อทุกคนไว้ ไม่ว่าจะได้ลงไปทำหน้าที่หรือไม่ก็ตาม โดยนักกีฬาชาย ประกอบด้วย ทนงศักดิ์ แสนสมบูรณ์สุข , โฆษิต เพชรประดับ , สัพพัญญู อวิหิงสานนท์ , อดุลรัชต์ นามกูล , บดินทร์ อิสสระ , นิพิฐพนธ์ พวงพั่วเพชร , เดชาพล พัววรานุเคราะห์ , กิตตินุพงษ์ เกตุเรน , ตราวุธ โพธิ์เที่ยง , นันทกานต์ ยอดไพสง
ส่วนนักกีฬาหญิง ได้แก่ รัชนก อินทนนท์ , บุศนันทน์ อึ๊งบำรุงพันธุ์ , ณิชชาอร จินดาพล , พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์ , ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย , จงกลพรรณ กิติธรากุล , รวินดา ประจงใจ , สาวิตรี อมิตรพ่าย และ พุธิตา สุภจิรกุล ที่มีชื่อแต่ตัดสินใจไม่ร่วมทีมไปแข่งขันเพราะบาดเจ็บ
ทั้งหมดคือ"ทีมชาติไทย"ที่สร้างความภาคภูมิใจให้กองเชียร์ไทยทุกคน