รู้จริง รู้ลึก รู้ทัน ทุกความเคลื่อนไหวของวงการแบดมินตันอ่าน Badminton Thai Today
ข่าวสารและกิจกรรม
ร่วมชื่นชมทีมแบดมินตันไทยสร้างประวัติศาสตร์อีกครั้ง
  26 พ.ค. 2560
แบ่งปัน



แล้วทีมแบดมินตันไทย ก็สร้างประวัติศาสตร์ในการแข่งขันแบดมินตันทีมผสมชิงแชมป์โลก หรือ TOTAL BWF Sudirman Cup 2017 ที่เมือง Gold Coast ประเทศออสเตรเลีย เมื่อสามารถผ่านเข้าไปเล่นในรอบรองชนะเลิศ ซึ่งจะพบเกาหลีในวันพรุ่งนี้(27พ.ค.) โดยคู่ไทย-เกาหลี จะแข่งในช่วงเช้า ส่วนรอบรองชนะเลิศอีกคู่ระหว่างจีนกีบญี่ปุ่น จะแข่งขันในรอบเย็น ... ร่วมส่งใจไปเชียร์พร้อมกัน 
 
ต้องถือว่าเป็นผลงานที่ "เกินเป้า" เพราะในตอนแรก ทีมชาติไทยยังตั้งเป้าหมายแค่รอบ 8 ทีมสุดท้าย แต่สุดท้าย ไทยสามารถผ่านเข้ามาถึงรอบรองชนะเลิศ ซึ่งหมายความว่าได้อันดับ 3 ร่วมเป็นอย่างน้อย และหากยังแสดงผลงานดีต่อเนื่อง ทีมไทยอาจจะเข้าชิงชนะเลิศเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์  
 
  เพราะ BWF Sudirman Cup ผ่านมา 14 ครั้งหลังเริ่มแข่งขันครั้งแรกเมื่อปี 1989 ผลงานที่ดีที่สุดของไทยก็ต้องย้อนไปเมื่อ 4 ปีก่อน ในการแข่งขันครั้งที่ 13 ที่กรุงกัวลา ลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ที่ทีมไทยผ่านมาถึงรอบรองฯ ก่อนจะพ่ายเกาหลี ได้แค่อันดับ 3 ร่วมกับเดนมาร์ค
 
ขณะที่”แชมป์” ผ่านมา 14 ครั้ง มีเพียง 3 ชาติเท่านั้นที่เคยได้ตำแหน่งนี้ นั่นคือ จีน 10 ครั้ง เกาหลี 3 ครั้ง และอินโดนีเซีย 1 ครั้ง ส่วนญี่ปุ่นกับเดนมาร์ค เป็นอีก 2 ชาติที่เคยได้เข้าชิงชนะเลิศ แต่ไม่ได้แชมป์  
 
  ผลงานของทีมชาติไทยครั้งนี้ ต้องถือเป็นความสำเร็จของสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยฯ ที่มีคุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล เป็นนายกสมาคมฯ ที่ตัดสินใจเลือก "เร็กซี่ ไมนากี้" อดีตแชมป์โอลิมปิกชายคู่จากอินโดนีเซีย มาเป็นหัวหน้าโค้ชทีมชาติ และสตาฟ์โค้ชทั้งหมดที่ร่วมเดินทางไปครั้งนี้ ทั้ง "โค้ชโอม" เทศนา พันวิศวาส, "โค้ชเป้" ภัททพล เงินศรีสุข, "โค้ชส้ม" สราลีย์ ทุ่งทองคำ และ "โค้ชอาร์ต" กฤติน กฤตตานุกูลย์
 
และที่ต้องชื่นชมเป็นพิเศษ คือ”นักกีฬา” ทั้งที่ลงไปทำหน้าที่ในสนามและผู้ที่ต้องทำหน้าที่เป็น "กองเชียร์" เมื่อทีมผู้ฝึกสอนเลือกคนที่ "เหมาะสม" กับเกมมากกว่า โดยเริ่มตั้งแต่คู่แรก ประเภทคู่ผสม ซึ่ง "บาส-ปอป้อ" เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย เอาชนะ Mathias CHRISTIANSEN จับคู่กับ Sara THYGESEN ได้ในสกอร์ 21-19 ทั้ง 2 เกม โดยใช้เวลา 49 นาที โดยนักตบลูกขนไก่ไทยทั้งคู่ ได้ประสานงานยอดเยี่ยม ไม่มีอาการตระหนกแม้ในช่วงท้านเกม 2 ที่ทีมเดนมาร์คทะคะแนนไล่มาทันในช่วงท้ายเกม และทำคะแนนแรกให้ทีมไทยสำเร็จ  
 
  ส่วนประเภทชายเดี่ยว แม้ "สอง" ทนงศักดิ์ แสนสมบูรณ์สุข จะพ่าย Viktor AXELSEN เจ้าของเหรียญทองแดงโอลิมปิก 2016 ไปแบบคะแนนค่อนข้างห่าง 15-21 และ 6-21 แต่ก็ทำหน้าที่เต็มที่ และไม่ได้ทำให้ทัพนักกีฬาไทยเสียขวัญ 
 
จากนั้นในคู่ที่ 3 ในประเภทชายคู่ ซึ่ง "อาท-ต้นน้ำ" บดินทร์ อิสสระ กับ นิพิฐพนธ์ พวงพั่วเพชร แพ้ Mads CONRAD-PETERSEN กับ Mads Pieler KOLDING แบบน่าเสียดาย 1-2 เกม 21-15 , 18-21 และ16-21 โดยใช้เวลาแข่งขันกว่า 1 ชั่วโมง แต่ "จิตใจ" ของเด็กไทยทั้ง 4 คนแสดงให้เห็นว่า พวกเขาทำงานได้ดีแล้วในการต่อกรกับชายคู่มือ 8 ของโลก  
 
  ส่วนหญิงเดี่ยว ไม่มีปัญหาสำหรับ “เมย์” รัชนก อินทนนท์ ที่ทำคะแนนตีเสมอให้ไทยเป็น 2-2 เมื่อเอาชนะ Line KJæRSFELDT 21-15 และ 21-14 โดยใช้เวลาเพียง 14 นาที กลับเป็นการ "ปลุกขวัญ" ให้นักกีฬาไทย ที่จะทำคะแนนชนะได้ในคู่สุดท้าย 
 
และ "หญิงคู่เฉพาะกิจ" ของไทย คือ "กิ๊ฟ-ปอป้อ" จงกลพรรณ กิติธรากุล กับ ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย ก็ไม่ทำให้กองเชียร์ไทยทั้งในสนามและหน้าจอผิดหวัง เมื่องัดฟอร์มเก่ง เอาชนะ Kamilla Rytter JUHL กับ Christinna PEDERSEN คู่สาวใหญ่มือเก๋าจากเดนมาร์คที่เป็นแชมป์มามากมายหลายรายการ รวมทั้งเป็นรองแชมป์โอลิมปิก 2016 มาแบบง่ายเกินคาด 21-15 และ 21-12 โดยใช้เวลาเพียง 44 นาที  
 
  ภาพนักกีฬาไทยกระโดดกันลงไปล้อมแสดงความดีใจกับ "กิ๊ฟ-ปอป้อ" และอาการ "บอกบุญไม่รับ" ของนักแบดสาวคู่จากเดนมาร์ค สามารถบอกอะไรได้หลายอย่าง โดยเฉพาะการตอกย้ำว่า ทีมไทยเห็นผลในเรื่องความสำเร็จของนักกีฬารุ่นใหม่ ขณะที่เดนมาร์ค เริ่มแสดงถึงความอ่อนล้าของผู้เล่นอาวุโส ซึ่งหลายคนอาจจะมาแข่งขันรายการนี้เป็นครั้งสุดท้าย และต้อง "ผิดหวัง" กับการพ่ายแพ้ไทย ตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายทั้งๆ ที่เป็น "เต็ง2" รองจากจีน
 
พรุ่งนี้(27พ.ค.) ทีมไทยจะลงสนามรอบรองฯ พบเกาหลี ในเวลาเที่ยงตรงที่ออสอตรเลีย หรือ 9 โมงเช้าบ้านเรา ไม่ว่าผลงานจะออกมาเป็นอย่างไร ก็ต้องยกย่องชมเชยผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งสมาคมแบดมินตันฯ ทีมงานผู้ฝึกสอน และคนสำคัญที่สุด นักกีฬาทั้งที่ลงสนามและนั่งข้างสนาม

ทั้งหมดคือความสำเร็จร่วมกันของทีมที่เรียกว่า "ทีมชาติไทย"
 
 
ข่าวสารและกิจกรรมอื่นๆ