รู้จริง รู้ลึก รู้ทัน ทุกความเคลื่อนไหวของวงการแบดมินตันอ่าน Badminton Thai Today
ข่าวสารและกิจกรรม
งานแถลงข่าว การแข่งขัน SCG Thailand Open 2017
  15 พ.ค. 2560
แบ่งปัน


เอสซีจี สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยฯ
พร้อมจัด การแข่งขันแบดมินตันนานาชาติระดับ BWF Grand Prix Gold รายการ SCG Thailand Open 2017 ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
 
 

คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล นายกสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า “สำหรับการแข่งขันแบดมินตันนานาชาติครั้งยิ่งใหญ่ระดับ BWF Grand Prix Gold รายการ SCG Thailand Open 2017 ณ อาคารนิมิบุตร สนามกีฬาแห่งชาติ ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ระหว่างวันที่ 30 พฤษภาคม – 4 มิถุนายน 2560 และเป็นอีกครั้งหนึ่งสำหรับพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานถ้วยรางวัลแก่ผู้ชนะเลิศประเภทชายเดี่ยวและหญิงเดี่ยว นำมาซึ่งความปลื้มปีติยังผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายและผู้เข้าร่วมแข่งขัน โดยผู้ได้ครองถ้วยพระราชทาน ย่อมเป็นสิริมงคลและเป็นเกียรติสูงสุดแก่ตนเอง แก่ครอบครัวและวงศ์ตระกูล รวมทั้งประเทศของตนเองด้วย
 
กลับมาอีกครั้งกับศึกตบลูกขนไก่รายการระดับนานาชาติที่เก่าแก่สุดของแดนสยาม "เอสซีจี ไทยแลนด์ โอเพ่น" ปีที่ 33 ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมเงินรางวัลรวมกว่า 120,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 4,200,000 บาท วันที่ 30 พฤษภาคม–4 มิถุนายน โดยยังคงเลือกใช้อาคารนิมิบุตร ภายในสนามกีฬาแห่งชาติ   

สำหรับปีที่แล้วนักแบดมินตันไทยสร้างผลงานไว้อย่างยอดเยี่ยม คว้าได้ถึง 2 แชมป์ จากชายเดี่ยว "สอง"ทนงศักดิ์ แสนสมบูรณ์สุข ซึ่งนับเป็นบันไดขั้นแรกในการคว้าแชมป์ระดับ "กรังด์ปรีซ์ โกลด์" ก่อนที่ 2 สัปดาห์ถัดมาจะขยับขึ้นไปสอยแชมป์ระดับ "ซูเปอร์ซีรี่ส์ พรีเมียร์" ที่เดนมาร์ก ขณะที่หญิงคู่ก็ไม่น้อยหน้าเมื่อ "ปอป้อ"ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย กับ "เอิร์ธ"พุธิตา สุภจิรกุล ก็หยิบแชมป์ "กรังด์ปรีซ์ โกลด์" ร่วมกันได้เป็นรายการแรก ทำให้ประวัติศาสตร์ต้องจารึกว่าในปี พ.ศ.2559 เป็นครั้งแรกที่มีนักแบดมินตันไทยคว้าแชมป์รายการพร้อมกันได้ถึง 2 ประเภทเป็นครั้งแรก
 
  การแข่งขันในครั้งที่ 28 ยังคงมีนักกีฬายอดฝีมือจากนานาชาติรวมกว่า 23 ประเทศเดินทางมาเพื่อจุดหมายเดียวกันคือครองถ้วยแห่งศักดิ์ศรีนี้ แน่นอนว่า ชายเดี่ยว ต้องจับตามอง ทนงศักดิ์ ในฐานะมือวางอันดับ 1 ของรายการ แต่เส้นทางคงไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเพราะมีคู่ปรับ และรุ่นพี่อย่าง "ไบร์ท"สัพพัญญู อวิหิงสานนท์ หรือ อดุลรัชต์ นามกูล ซึ่งอาจพบกันในรอบ 16 คน หากผ่านไปได้ยังมี อิห์ซาน มัวลาน่า มุสโตฟา อดีตรองแชมป์เมื่อ 2 ปีก่อน รวมไปถึงโซนี่ ดวี่ คุนโคโร่ รองแชมป์ปีที่แล้ว อดีตแชมป์ปี พ.ศ.2555 จากอินโดนีเซีย แต่รายหลังคงต้องผ่าน ปัณณวิชญ์ ทองน่วม ที่ฟอร์มกำลังร้อนแรงเพิ่งคว้าแชมป์ระดับอินเตอร์เนชั่นแนล ชาลเลนจ์ "เดอะ สไมลิ่ง ฟิช" ที่ จ.ตรัง เมื่อต้นเดือนให้ได้เสียก่อน รวมไปถึง หนาน เว่ย จากฮ่องกง และ ชอง เหว่ย เฟง จากมาเลเซีย 

นอกจากนี้ ยังมีด่านอรหันต์ทั้ง มาร์ค ชวีบเลอร์ มือ 2 ของรายการ จากเยอรมนี และมือดีจากอินโดนีเซีย โจนาธาน คริสตี้ ขณะที่ดาวรุ่งที่น่าจับตามองของไทย ก็มีทั้ง โฆษิต เพชรประดับ และกันตภณ หวังเจริญ ฯลฯ

ด้านหญิงเดี่ยว "เมย์"รัชนก อินทนนท์ อดีตแชมป์ปี พ.ศ.2556 ที่อยู่ระหว่างเรียกความฟิตกลับมาแข่งขันอีกครั้งในฐานะมือ 1 ของรายการ หลังจากปีก่อนพักรักษาอาการบาดเจ็บ และเป็นเรื่องน่าเสียดายที่แชมป์เก่าปีก่อน อายะ โอโฮริ สุดสวยแดนอาทิตย์อุทัยไม่ได้มาป้องกันแชมป์ แต่ก็มี ไซน่า เนห์วาล อดีตแชมป์ปี พ.ศ.2555 จากอินเดีย มาเป็นก้างชิ้นโต ของรองแชมป์เก่า "ครีม"บุศนันทน์ อึ๊งบำรุงพันธุ์ ที่อาจเจอกันในรอบตัดเชือก 
 
ส่วนเส้นทางของ รัชนก ก็ถือว่าหฤโหด ตั้งแต่รอบสองเพราะมีลุ้นเจอ ซายากะ ทาคาฮาชิ จากญี่ปุ่น หากเข้ารอบ 8 คนมีลุ้นเจอ "แน็ต"ณิชชาอร จินดาพล และในรอบตัดเชือกมีสิทธิ์เจอทั้ง จาง เป่ยเหวิน สาวอเมริกัน และแชมป์ประเทศไทยคนล่าสุด "หมิว"พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์ ที่พัฒนาฝีมือขึ้นมามาก  

ขณะที่ ชายคู่ ยังคงเป็นประเภทเดียวที่นักตบลูกขนไก่ไทยไม่เคยสัมผัสแชมป์ได้ และต้องจับตามองคู่มือ 2 ของรายการ "อาท"บดินทร์ อิสสระ กับ นิพิฐพนธ์ พวงพั่วเพชร ว่าจะเข้ารอบลึกได้เพียงใด หลังจากครั้งก่อนเข้าถึงรอบก่อนรองฯ รวมถึง "บาส"เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ "สกาย"กิตตินุพงษ์ เกตุเรน คู่มือ 6 ของรายการ ที่แม้ผลงานไม่เปรี้ยงปร้าง แต่ก็ไม่เป็นรองใคร นอกจากนี้ ยังมีคู่ที่น่าจับตามมองทั้ง คิม แอสทรัพ-แอนเดิร์ส ราสมุสเซ่น คู่มือ 1 ของรายการ ซึ่งเพิ่งคว้าที่ 3 ของยุโรป มาได้ รวมถึง มาคัส เอลลิส-คริส แลงริดจ์ สองหนุ่มแดนผู้ดีเจ้าของเหรียญทองแดงโอลิมปิกเกมส์ ครั้งล่าสุด และ ตัน บูน เฮือง-เฮนดร้า เซเตียวาน คู่มือเก๋าชาวมาเลเซีย-อินโดนีเซีย
 
  หญิงคู่ แน่นอนว่าคู่ ทรัพย์สิรี-พุธิตา เป็นเต็ง 1 โดยมี "กิ๊ฟ"จงกลพรรณ กิติธรากุล กับ "วิว"รวินดา ประจงใจ เป็นคู่ปรับ แต่คู่แชมป์เก่า อาจต้องวัดความเหนียว เกรเซีย โปลลี่-อาพริยานี่ ราฮายู จากอินโดนีเซีย รวมถึงคู่สาวสวย กรอนย่า ซัมเมอร์วิล-เซ็ตยาน่า มาปาซ่า จากออสเตรเลีย ด้วย ส่วนคู่ กิ๊ฟ-วิว ที่ครั้งก่อน พลาดท่าในรอบรองฯ หนนี้ อาจเจองานหนักในรอบก่อนรองฯ เพราะได้ลุ้นเจอคู่ดาวรุ่งดีกรีรองแชมป์เยาวชนโลกหนล่าสุด ที่ปีนี้ประเดิมแชมป์แรกในรายการ "ไชน่า อินเตอร์เนชั่นแนล ชาลเลนจ์" มาแล้ว

ปิดท้ายที่ คู่ผสม เวลานี้ไม่มีคู่ใดน่าจับตามองไปกว่าคู่ของ เดชาพล-ทรัพย์สิรี คู่มือ 1 ของรายการ ที่โชว์ผลงานคว้า 2 รองแชมป์หลังสุดมาได้ และยังได้ลุ้นดวลกับคู่ นิพิฐพนธ์-จงกลพรรณ ในรอบรองฯ หลังจากปีก่อนฝ่ายหลังต้องโดนเขี่ยตกรอบก่อนรองฯ ซึ่งเส้นทางดูแล้วสดใสไม่น้อย ส่วนคู่ บดินทร์-สาวิตรี อมิตรพ่าย คู่มือ 3 ของรายการ เจองานไม่ง่ายตั้งแต่รอบแรก แม้จะพบ ราฟาเอล เบ็ค-อีวา แยนส์เซ่นส์ จากเยอรมนี และถ้าไปถึงรอบรองฯ อาจเจอคู่มือ 2 ของรายการ ยอง ไค เทอร์รี่ ฮี-ตัน เหว่ย หาน จากสิงคโปร์



ต้องบอกเลยว่าปีนี้มันสุดๆ และอาจมีการเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ขึ้นมา เพราะอย่าลืมว่า ไม่เคยมีนักแบดมินตันไทยคนใดป้องกันแชมป์ หรือคว้าแชมป์ได้ถึง 2 สมัย ประกอบกับเทคนิคการจัดแสง สี เสียง พร้อม มัลติมีเดีย สกรีน 180 ยิ่งทำให้รายการนี้ยิ่งใหญ่ และน่าสนใจไม่น้อย โดยแฟนกีฬาสามารถซื้อบัตรเข้าชมทางไทยทิคเก็ตเมเจอร์ทุกสาขาในราคา 50, 100, 200, 400 และบัตรวีไอพี 2,000 บาท
ข่าวสารและกิจกรรมอื่นๆ