ไฮไลท์สูงสุดที่ถือว่าเป็นจุดรุ่งโรจน์ของวงการแบดมินตันไทย คือการแข่งขันโอลิมปิก 2024 ที่มหานครปารีส ที่”วิว”กลุวุฒิ วิทิตศานต์ สามารถเข้าชิงและได้เหรียญเงิน เมื่อพ่าย Viktor AXELSEN จากเดนมาร์กในรอบชิง 11-21,11-21 และเป็นเหรียญประวัติศาสตร์ เพราะ”แบดมินตัน”กลายเป็นกีฬาใหม่ที่ทำเหรียญให้ทัพนักกีฬาไทยในการแข่งขันโอลิมปิก นอกเหนือจาก มวยสากลสมัครเล่น ยกน้ำหนัก และเทควันโด 3 กีฬาที่ทำเหรียญให้ไทยมาโดยตลอด |
นอกจาก”วิว”แล้ว ปี 2024 เป็นปีที่นักกีฬาไทยลงแข่งขันในสภาพ”ร่วงโรย”ตามวัย โดยเฉพาะ”เมย์”รัชนก อินทนนท์ อดีตแชมป์โลกขวัญใจชาวไทย ที่อันดับโลกร่วงไปอยู่ที่ 17 ในผลงานที่เจ้าตัว”ถอดใจ”กับสภาพร่างกายที่บาดเจ็บต่อเนื่อง ก่อนที่จะกลับมาฟิตมากขึ้นในช่วงปลายปี และสามารถคว้าแชมป์หญิงเดี่ยว Spain Masters รายการ Super300 ได้สำเร็จไม่ให้ปิดฉากปีนี้โดยไร้แชมป์ |
อีกคนที่ถึงเวลา”ร่วงโรย”ตามวัย คือ”ปอป้อ”ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย แชมป์โลกคู่ผสมวัย 32 ที่ยังคงทำผลงานได้ดี โดยปีนี้คว้า 2 แชมป์คู่ผสมที่ลงสนามคู่กับ”บาส”เดชาพล พัววรานุเคราะห์ คือ India Open ที่เป้นรายการ Super 750 และThailand Masters รายการ Super 300 รวมทั้งได้รองแชมป์ Thailand Open รายการ Super 500 ที่แสดงให้เห็นว่า”ปอป้อ”ยังมีฝีมือดีในวัยขนาดนี้ |
อย่าไรก็ตาม ทีมงานผู้ฝึกสอนมองไกลระยะยาว ในช่วงปลายปีหลังจบ ปารีส 2024 จึงได้สลับคู่ โดยโยก”ปอป้อ”ไปเล่นคู่กับ”เอ็ม”สุภัค จอมเกาะ ส่วน”บาส”ก็ให้ลงสนามคู่กับ”เฟม”ศุภิสรา เพียวสามพราน นักแบดมินตันสาววัย 25 เพื่อเป้าหมายโอลิมปิก 2028 ที่วันนั้น”ปอป้อ”คงเล่นไม่ไหว |
การจับคู่ของ”บาส-เฟม”ถือว่าได้ผล เพราะลงเล่น 5 รายการที่สลับคู่หลังจบโอลิมปิก 2024 “บาส-เฟม”สามารถคว้า 2 แชมป์คือ Japan Masters รายการ Super 500 และ Syed Modi International รายการ Super 300 ที่อินเดีย ที่ทำให้อันดับโลกขยับจากวันแรกที่อยู่อันดับ 201 ในการลงสนาม ขึ้นมาในอันดับที่สามารถลงแข่งขันรายการระดับสูงได้ |
ขณะเดียวกัน ปี 2024 ก็ปิดฉาก”กิ๊ฟ-วิว”จงกลพรรณ กิติธรากุล / รวิดา ประจงใจ ที่เป็นหญิงคู่มือหนึ่งของไทยมายาวนาน โดยทั้งคู่ประกาศรีไทร์ และทิ้งทวนปี 2024 โดยคว้าแชมป์ Thailand Open รายการ Super 500 ในบ้านเป็นการอำลาแฟนแบดมินตันไทย |