รู้จริง รู้ลึก รู้ทัน ทุกความเคลื่อนไหวของวงการแบดมินตันอ่าน Badminton Thai Today
ข่าวสารและกิจกรรม
หลินตัน ...ผมไม่เป็นโค้ชแน่นอน
  13 ก.ย. 2559
แบ่งปัน
 บทสัมภาษณ์ "หลินตัน"  นี้ ถือว่าได้ว่าเป็นบทสัมภาษณ์ที่ดีที่สุดครั้งหนึ่ง เป็นการสัมภาษณ์ในรายการ "ฟงอวิ๋นหุ้ย" หลังการแข่งขันแบดมินตันในโอลิมปิก 2016 จบลง แม้อาจจะผ่านมาหลายวัน แต่นี่เป็นเรื่องที่แฟนแบดมินตันไม่ควรพลาด เพราะเป็นการ"เปิดใจ"นักแบดมือหนึ่งของโลกหลายเรื่องที่หลายคนอยากรู้ ทั้งจะเล่นต่อไปหรือผันตัวเองไปเป็นโค้ช ซึ่ง "หลินตัน" ยินยันชัดเจนว่า หลังจากแขวนแร็กเก็ต ซึ่งเขายังไม่ตัดสินใจว่าจะเป็นเมื่อไร สิ่งหนึ่งที่เขาไม่ทำแน่นอนก็คือการเป็นโค้ชแบดมินตัน

  "กระทั่งตอนนี้ ในหัวผมไม่มีความคิดจะเป็นโค้ชเลย เพราะผมคิดว่างานแบบนี้มันหนักกว่าตอนที่เป็นนักกีฬาอีก เพราะจะต้องฝึกสอนจนเขาประสบความสำเร็จให้ได้ ผมคิดว่ามันเป็นอะไรที่ยากมาก เพราะหลินตันมีผลงานรุ่งเรืองสูงสุด และคงมีนักกีฬามากมายที่อยากประสบความสำเร็จมาเรียนกับคุณ ถ้าคุณไม่สามารถนำเขาประสบความสำเร็จได้ ในใจคงรู้สึกแย่มากๆ และนอกจากฝีมือแล้วนักกีฬาก็ต้องมีดวงอีกด้วย ฉะนั้น ผมจึงไม่มีความคิดจะเป็นโค้ชเลย"

นอกจากนั้น หลินตันยินยันว่า เขาจะขอ"พัก"ก่อน เพราะการไปแข่งริโอ 2016 มีการเตรียมตัวมานาน 



  https://www.youtube.com/watch?v=gVtZ7C-2x3w
Credit VDO : KrisPy NuT


ทั้งนี้ บทสัมภาษณ์นี้ ใครที่เห็นจะพบว่า "หลินตัน" ยกย่อง "ลีชองเหว่ย" มาก โดยบอกถึงการพ่ายแพ้ยอดนักแบดมินตันมาเลเซียว่าเป็นสิ่งที่แปลกใจมาก เพราะเขาได้รับการสนับสนุนมากกว่าตอนชนะด้วยซ้ำ
 
  "หลินตัน"กล่าวถึงการแข่งขัน"หลิน-ลี" ว่ามีหลายคนบอกว่า "ไม่กล้าดู"

"ผมว่าครั้งนี้ โดยเฉพาะที่แพ้ชองเหว่ยเมื่อวาน ผมได้รับแรงเชียร์และการสนับสนุนจากแฟนๆ มากขึ้น
แต่ก่อนไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้ เพราะแต่ก่อนหลินตันเป็นที่ชื่นชอบ ได้รับการยอมรับ อย่างแรกเป็นเพราะเขาได้ทำผลงานไว้ในระดับที่ไม่มีใครเทียบเคียงได้ ดังนั้นเขาเลยได้รับการยอมรับและการสนับสนุน แต่พอครั้งนี้แพ้ กลับได้รับความเข้าใจและการสนับสนุนจากแฟนๆ ก็รู้สึกดีเหมือนกัน เพราะหลังจบโอลิมปิก 2012 แฟนๆ ชาวจีนเริ่มชอบชองเหว่ยเยอะขึ้น รู้สึกเสียใจแทนเขาหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่พอครั้งนี้ ชองเหว่ยชนะได้เข้าชิงชนะเลิศ ถึงแม้จะแพ้ ผมยังได้รับกำลังใจจากแฟนๆ รู้สึกว่าอยู่ดีๆ กลายเป็นคนถูกปลื้มถูกเอาใจไปเลยจริงๆ ครับ"
 
 
 หลินตันบอกว่า หลายคนมองว่า เขาสามารถรีไทร์ได้อย่างสวยงามหลังจบโอลิมปิก 2012 หรือกระทั่งชิงแชมป์โลก 2013 แต่เมื่อพบว่า คู่แข่งคนสำคัญกลับยืนหยัดเพื่อไขว่คว้าเหรียญทองโอลิมปิกที่เขาหวัง ยังเข้มแข็งและยืนหยัดอย่างอดทน ตัวเขาจึงคิดว่าไม่ได้มีอาการบาดเจ็บอะไร จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ยืนหยัดเคียงคู่กับ "ลีชองเหว่ย" เลยนัดกันมาที่โอลิมปิกริโอ และการที่ทำได้ถึงขนาดนี้ก็รู้สึกดีใจมาก

"เราสองคนภูมิใจนะ การมีคู่แข่งที่ยิ่งใหญ่อย่างนี้ ถ้าเขาไม่ใช่ผู้ยิ่งใหญ่ เขาอาจจะเลิกเล่นไปแล้ว เพราะเขายิ่งใหญ่และยังไม่เคยได้เหรียญทองในฐานะนักกีฬาอาชีพ เขาจึงยังไม่คิดเลิกล้ม ผมเลยคิดว่าผมนี่แหละเหมาะสมที่สุดสำหรับเขา เหมือนที่เขาพูด พวกเราประสบความสำเร็จแล้ว เรามาตามนัดกันอีกครั้งหลังจาก 4 ปี สุดยอดมากแล้วครับ"
 
 
   ส่วนจะมี "สงครามโลก"ครั้งที่ 38 หรือ 39 อีกหรือไม่นั้น "หลินตัน"บอกว่า การที่ลีชองเหว่ยบอกว่าจะไปแข่งชิงแชมป์โลก 2017 เป็นรายการสุดท้าย เขายังไม่ได้วางแผน แต่ถ้าไปก็คงมีสงครามครั้งที่ 38 หากโชว์ฟอร์มได้ดีทั้งคู่

สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ในวงการแบดมินตันโลกวันนี้ "หลินกับลี" คือ 2 ผู้ยิ่งใหญ่ และการที่ทั้งคู่ยังคงลงเล่นอีกปีสองปี จึงเป็นกำไรของวงการแบดมินตัน 
 
  "ที่ผมจำไม่ลืมคือตอนปี 2012 ลูกสุดท้ายที่ผมรักษาแชมป์ได้ จริงๆ ตอนนั้นลีชองเหว่ยเศร้าและเสียใจมากจริงๆ เขาทรุดในสนามและโค้ชเข้ามากอด พอผมปลดปล่อยความดีใจเสร็จ ผมก็เดินเข้าไปกอดเขา เพราะมันคือการปลอบคู่แข่งที่พยายามเอาชนะคุณมาตลอด พอมาปีนี้สลับกัน เขาก็ทำแบบเดียวกัน พอแข่งเสร็จ ผมเข้าใจว่าต้องการปลดปล่อยอารมณ์ดีใจกับโค้ช แล้วค่อยเดินมาหาผม เป็นธรรมชาติ เป็นธรรมดา แล้วเราก็แลกเสื้อกัน ผมว่ามันเป็นการเคารพซึ่งกันและกันอย่างหนึ่งครับ"
 
นี้จึงเป็นบทสัมภาษณ์ที่ให้ "คำตอบ" ชัดเจนหลายเรื่อง
และที่แฟนๆ ยินดีก็คือ ยังไม่มีประกาศการอำลาคอร์ดของ "หลินตัน"
ข่าวสารและกิจกรรมอื่นๆ