ความจริงแล้ว นักกีฬาหญิงคู่ของไทยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ถือเป็นอีกประเภทที่มีนักกีฬาดีขึ้นมาก แต่อาจจะยังคงเก่งในระดับภูมิภาค คือการแข่งขันซีเกมส์ แต่เมื่อถึงระดับทวีปคือเอเชี่ยนเกมส์และระดับโลกอย่างโอลิมปิก หญิงคู่ของไทยก็ยังไม่สามารถก้าวขึ้นไปยังจุดสูงสุดของการแข่งขันได้
 

​​

ถึงวันนี้”กิ๊ฟ-วิว”จงกลพรรณ กิติธรากุล / รวินดา ประจงใจ หญิงคู่มือ 9 ของโลกก็ยังคงเป็นคู่มือหนึ่งของไทย และสร้างผลงานได้แชมป์ในระดับ 300 หรือ 500 มาให้ชื่นชม รวมทั้งสามารถเข้ารอบลึกๆในรายการต่างๆมากมาย จากการเป็นนักกีฬาที่ได้ไปร่วมแข่งขันน่าจะมากที่สุดของไทย จึงมีอันดับโลกอยู่ที่ 9 จากการแข่งขันถึง 42 รายการ

 

ขณะที่คู่อันดับรองคือ”เอิร์ธ-ปอป้อ”พุธิตา สุภจิรกุล / ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย อยู่อันดับสองคืออันดับ 18 ของโลกก็มาจากการแข่งขัน 27 รายการ แถมในอนาคตก็ยังคาดเดาไม่ได้ว่าคู่นี้จะยังคงเล่นกันหรือไม่ เพราะ”ปอป้อ”ทรัพย์สิรี น่าจะถูกวางตัวให้ไปเน้นคู่ผสมที่เป็นมือหนึ่งโลกและแชมป์โลก ซึ่งหมายถึง”เอิร์ธ”อาจจะต้องหาคู่ที่เหมาะสมใหม่

 

ความจริง”เอิร์ธ” พุธิตา ก็เคยถูกจับมาลองเล่นคู่กับ”เฟม”ศุภิสรา เพียวสามพราน แถมยังเคยคว้าแชมป์รายการ US Open มาแล้ว แต่ในช่วงหลัง ”เฟม” ก็เหมือน”ปอป้อ” คือถูกส่งไปลงเล่นประเภทคู่ผสมเป็นหลัก ทำให้การจับคู่หายไปจนไม่อยู่ในอันดับโลก

   

อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลังก็ยังมีข่าวดี เมื่อสองพี่น้อง”แอนนา-มูนา”เบญญาภา เอี่ยมสอาด / นันทกานต์ เอี่ยมสอาด คู่แชมป์ประเทศไทย มีโอกาสลงสนามมากขึ้นและทำให้ผลงานได้น่าพอใจเมื่อคิดว่าทั้งคู่ยังเป็นเยาวชน จนสามารถขยับอันดับมาอยู่ที่ 45 ของโลก จึงพอจะมองเห็นว่าไทยยังมีหญิงคู่มือดีอยู่

 

ขณะที่มองไปในระดับเยาวชน “จีน่า” พรณิชา สุวัฒโนดม และ "แครอท" พรพิชชา เชยกีวงศ์ ก็เป็นหญิงคู่เยาวชนมือ 3 และ 4 ของโลกในประเภทหญิงคู่ (อันดับเยาวชนแยกเป็นบุคคล) ที่หากมีโอกาสลงสนาม ก็น่าจะเป็นคลื่นลูกใหม่มาเสริมทีมชาติในอนาคตได้

หญิงคู่ของไทยในวันนี้ จึงไม่ถือว่า ”ขี้เหร่” มากนักในเวทีแบดมินตันโลก และเป็นอีกประเภทที่มีกำลังเสริม โดยเริ่มที่คู่สองพี่น้อง "เอี่ยมสอาด" ให้แฟนๆได้เชียร์