"เอสซีจี แบดมินตัน อคาเดมี"...สถาบันหลักผลิตนักแบดไทย

เป็นที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าสำหรับทีมแบดมินตันของไทย "เอสซีจี" หรือ SCG คือ"สถาบันหลัก" ที่สนับสนุนแบดมินตันไทยมาช้านาน โดยเป็นผู้สนับสนุนทั้งงบประมาณ สถานที่ จนถึงการผลิตนักแบดมินตันขึ้นมา"ป้อน"ทีมชาติไทย โดยมีเครือข่ายสำคัญคือ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เครือซิเมนต์ไทย หรือ SCG
เป็นเวลามานานนับสิบปี ที่การแข่งขันแบดมินตันในประเทศไทย ได้รับการสนับสนุนจาก SCG ในฐานะผู้จัดการแข่งขันทั้งในประเทศและระดับชาติ
แต่บทบาทอีกบทบาที่คนจำนวนไม่มากอาจจะไม่ค่อยรับรู้นั่นคือ SCG มี "เอสซีจี แบดมินตัน อคาเดมี" หรือ SCG Badminton Academy ซึ่งเป็นเสมือนหนึ่ง"โรงเรียนสอนแบดมินตัน"ที่ผลิตเยาวชนที่สนใจแบดมินตันมาเพื่อรับการฝึกสอน และระบบต่างๆที่ถูกหลักวิชาการ

"เอสซีจี แบดมินตัน อคาเดมี" ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2550 ในรูปแบบโครงการพัฒนาทักษะและความสามารถนักแบดมินตันเยาวชนไทยด้วยมาตรฐานสากล โดยตั้งอยู่ที่ถนนกรุงเทพกรีฑา 37 
"เป้าหมาย"สำคัญของโครงการก็คือ ส่งเสริมและสนับสนุนเยาวชนที่มีความสามารถ ให้มีโอกาสพัฒนาศักยภาพเพื่อความเป็นเลิศในกีฬาแบดมินตัน และเมื่อใครมีฝีมือ "เอสซีจี แบดมินตัน อคาเดมี" ก็ส่งต่อให้สมาคมแบดมินตันแห่งประเทศไทยฯรับไปเป็นนักกีฬาของสมาคมเพื่อเป็นตัวแทนทีมชาติในอนาคต
กระทั่งเมื่อปี 2558 เมื่อศูนย์ฝึกแบดมินตันและวิทยาศาสตร์การกีฬา สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ซึ่งใช้งบประมาณกว่า 240 ล้านบาทสร้างขึ้นที่ถนนนางลิ้นจี่ซอย 3 แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตยานนาวา เสร็จสิ้น "เอสซีจี แบดมินตัน อคาเดมี" ก็ย้ายจากถนนกรุงเทพกรีฑา มาอยู่ที่ใหม่ 
โดยศูนย์ฝึกฯนี้ ถือเป็นสถานที่ฝึกซ้อมที่สมบูรณ์แบบ โดยมีคอร์ตแบดมินตัน 18 คอร์ต มีฟิตเนสเพื่อเสริมสร้างร่างกาย ห้องกายภาพ และมีด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา ที่ รศ.เจริญ กระบวนรัตน์ อาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์การกีฬามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ดูแลมาตั้งแต่เปิดอคาเดมีที่ถนนกรุงเทพกรีฑา 

แบดมินตันชิงแชมป์ประเทศไทย หรือ SCG All Thailand 2016 ที่เสร็จสิ้นการแข่งขันเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2559 ก็เป็นหนึ่งในผลงานความสำเร็จของ "เอสซีจี แบดมินตัน อคาเดมี" เพราะนักแบดจากอคาเดมีแห่งนี้ คว้าแชมป์ประเภทคู่ได้ครับทั้ง 3 ประเภท นั่นคือ คู่ผสม ที่ เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย ชนะ สุภัค จอมเกาะ กับ พุธิตา สุภจิรกุล
ถัดมาเป็นหญิงคู่ ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย กับ พุธิตา สุภจิรกุล ที่เป็นคู่มือ 1 ของประเทศในขณะนี้ ก็เอาชนะ จงกลพรรณ กิติธรากุล กับ รวินดา ประจงใจ ซึ่งก็เป็นผลผลิตจาก "เอสซีจี แบดมินตัน อคาเดมี" เช่นกัน 
ปิดท้ายชายคู่ กิตตินุพงษ์ เกตุเรน กับ เดชาพล พัววรานุเคราะห์ ก็คว้าแชมป์เมื่อเอาชนะ ภาคิน คุณาอนุวิทย์ กับ สุภัค จอมเกาะ
ทั้งหมดนี้ ถือเป็นผลผลิตที่มีคุณภาพจาก "เอสซีจี แบดมินตัน อคาเดมี" ที่มี "โค้ชโอม" เทศนา พันธ์วิศวาส อดัตนักแบดประเภทชายคู่ของไทยเป็นคนดูแล

ถึงตอนนี้ ก็ยังไม่ผิดที่จะบอกว่า SCG คือเสาหลักของแบดมินตันไทย
การสนับสนุนกีฬาแบดมินตันร่วมกับสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษตริย์ ถือเป็นคุณูปการที่มีมานาน และจะยังคงดำเนินการเดินหน้าต่อไป และหลังจากเปิด "เอสซีจี แบดมินตัน อคาเดมี" ที่สมบูรณ์แบบที่ศูนย์ฝึกแบดมินตันและวิทยาศาสตร์การกีฬา สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ถนนนางลิ้นจี่ ก็ยิ่งเห็นการขยายบทบาทมากขึ้นของอาคาเดมี่แห่งนี้
ความสำเร็จของ 3 แชมป์ในรายการ SCG All Thailand 2016 ไม่ได้เป็นเครื่องชี้ว่าอาคาเดมีแห่งนี้ทำผลงานได้ดี
หากแต่การผลิตนักแบดเพื่อเป็นกำลังหลักของชาติต่างหาก คือความสำเร็จของอคาเดมีของ SCG