สำหรับมาเลเซีย กีฬา "แบดมินตัน" ถือเป็นกีฬาที่เชิดหน้าชูตาของประเทศ โดยเป็นกีฬาหลักที่ทำเหรียญโอลิมปิกให้กับประเทศ โดยตั้งแต่เข้าร่วมแข่งขันกีฬาโอลิมปิกมาตั้งแต่ปี 1956 เป็นต้นมา มาเลเซีย ได้เหรียญรางวัลโอลิมปิก เป็นเหรียญเงิน 8 เหรียญ เหรียญทองแดง 4 เหรียญ ซึ่งจาก 12 เหรียญนั้น มาจากแบดมินตันถึง 9 เหรียญ เป็นเหรียญเงิน 7 เหรียญทองแดง 2
แถมเหรียญเงิน 3 ใน 7 มาจากนักแบดคนเดียวคือ Lee Chong Wei 3 เหรียญ 3 สมัย
ถึงตอนนี้ สมาคมแบดมินตันมาเลเซียรู้ดีว่า Lee Chong Wei ก็เตรียมเลิกราในวัย 34 แล้ว เพราะเจ้าตัวประกาศว่า ศึกชิงแชมป์โลก 2017 ที่กลาสโกว์ สก๊อตแลนด์ จะเป็นรายการแข่งขันสุดท้ายในชีวิตของเขา
ส่วนจะเลิกจริงหรือไม่ ก็คงต้องรอดู เพราะหากสภาพร่างกายยังเล่นได้ เชื่อว่า "เทพลี" ของแฟนๆที่ชื่นชอบกีฬาลูกขนไก่ก็คงไม่อยากให้เลิก
สมาคมแบดมินตันมาเลเซียเองก็ "เตรียม" ในเรื่องการหา "ตัวแทน" ของ Lee Chong Wei มาโดยตลอด และ Morten Frost "นายใหญ่" ผู้ดูแลทีมแบดมินตันมาเลเซียในฐานะ"ประธานเทคนิค" ก็เคยเอ่ยชื่อนักแบด 2-3 คนที่จะมาแทน"เทพลี" แต่ดูเหมือนผลงานยังห่างที่จะคาดหวังได้ |
|
|
Purple League คือหนึ่งในแผนงาน
Purple League เป็นการแข่งขันลีกแบดมินตันในมาเลเซียที่ Morten Frost วางแผนและให้ดำเนินการขึ้นมาเพื่อผลิตนักแบดมินตันรุ่นใหม่ขึ้นมาให้เร็วที่สุด โดยรูปแบบจะแตกต่างจากอีก 2-3 ลีกใหญ่อย่างจีน อินเดีย หรือญี่ปุ่น ที่เน้น"ซื้อตัว"นักแบดมินตันชื่อดังไปแข่งขัน โดยลีกของมาเลเซีย จะเน้นในเรื่องนักแบดมินตันดาวรุ่งเป็นหลัก ผสมกับนักแบดมินตันดาวรุ่งของชาติอื่น เช่น ไทย อินเดีย ที่ไม่ใช่"บิ๊กเนม"แบบที่ลีกจีนและอินเดียใช้
|
|
ซึ่งต้องถือว่าที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จ เพราะโอลิมปิก 2016 มาเลเซียได้ถึง 3 เหรียญเงิน โดยนอกเหนือจาก Lee Chong Wei ก็มี"ชายคู่" คือ V Shem GOH และ Wee Kiong TAN ซึ่งปัจจุบันเป็นชายคู่มือ 1 โลก และคู่ผสมจากคู่ของ Peng Soon CHAN กับ Liu Ying GOH
ทั้ง 4 คนนี่เป็นตัวอย่างของนักแบดมินตันรุ่นใหม่ที่พัฒนาฝีมือมาจากลีกในประเทศ |
ทั้งนี้ Morten Frost มาเป็นประธานเทคนิคในมาเลเซียครั้งแรกในช่วงปี 1997-2000 โดยได้เริ่มต้นงานสำคัญ 2 อย่าง คือ การบุกเบิกวางรากฐานสร้างแบดมินตันหญิงขึ้นมาใหม่ และการสร้างนักแบดมินตันเยาวชนชายรุ่นใหม่ โดยเขากล่าวว่า
|
|
"ในตอนนั้น มาเลเซียได้ ลี ชอง เหว่ย ขึ้นมาได้ และเป็นจุดเริ่นต้นของนักแบดมินตันหญิงรุ่นใหม่ ที่เติบโตอย่างน่าพอใจในวันนี้ ในข้างหน้า ผมมั่นใจว่า มาเลเซียจะเป็นชาติชั้นนำของวงการแบดมินตันระดับโลกอย่างถาวรแน่นอน” |
|
|
แต่แผนปีนี้ของ Purple League มีมากกว่านั้น
โดย"เป้าหมาย"ของ Purple League ปีนี้ ซึ่งจะแข่งขัน 3 ครั้ง คือ 12-31 ธันวาคม ที่ CyberJaya ครั้งที่ 2 ในวันที่ 2-8 มกราคมปีหน้าที่ กัวลาลัมเปอร์ และปิดท้าย 9-12 กุมภาพันธ์ ที่ปาหัง เป็นแผนที่ต้องการสร้าง "นักแบดใหม่"
"The aim of Purple League is to assist BAM by providing a platform for talented badminton players to gain valuable experience and we are on the right path. Well done to the Malaysian World Junior Badminton Team and a shout out to Petaling BC for the development of Chen Tang Jie and Man Wei Chong"
|
|
จุดมุ่งหมายของลีกมาเลเซีย คือการช่วยเหลือสมาคมแบดมินตันมาเลเซีย(BAM) คือแสวงหาผู้เล่นแบดมินตันที่มีพรสวรรค์เพื่อหาประสบการณ์ที่มีค่า และเราเชื่อว่าเราอยู่บนเส้นทางที่ถูกต้อง ทีมเยาวชนมาเลเซียเราทำได้ดีในแบดมินตันเยาวชนชิงแชมป์โลก จากฝีมือที่พัฒนาขึ้นมาของนักกีฬาจาก Petaling BC ทั้ง Chen Tang Jie และ Man Wei Chong |
สำหรับไทย..อย่าลืมว่า มาเลเซียชนะทีมเยาวชนไทยและเข้าไปชิงแชมป์กับจีน
ขณะเดียวกัน ในอันดับโลกของนักแบดเยาวชนนั้น ในประเภทชายเดี่ยว แม้ไทยจะมี กันตพล หวังเจริญ อยู่อันดับ 1 แต่ Zii Jia LEE ของมาเลเซีย ก็อยู่อันดับ 3 และ Jun Hao LEONG อยู่อันดับ 14
ส่วนหญิงเดี่ยว GOH Jin Wei ก็อยู่อันดับ 3 ต่อจาก หมิว พรปวีณ์ ที่อยู่อันดับ 2 และ Thinaah M. อยู่อันดับ 17
ขณะที่ Chen Tang Jie ก็อยู่ในอันดับ 19 ประเภทชายคู่ และมี SOH Wooi Yik อยู่อันดับ 25
ที่สำคัญก็คือ Purple League ปีนี้ จะมี Junior Purple League เพื่อหานักแบดเยาวขนหน้าใหม่มาเสริมทีมให้มากขึ้น
เห็น"การเตรียมการ"และวางแผนเพื่อเตรียมทีมของสมาคมแบดมินตันมาเลเซีย ก็ต้องยอมรับถึงความเป็น"มืออาชีพ"ในการจัดการของเขา |
|
|
การขึ้นมาเป็นมือ 1 โลกถึง 2 ประเภททั้งชายเดี่ยว คือ Lee Chong Wei และชายคู่ V Shem GOH และ Wee Kiong TAN ก็เป็นคำตอบว่าไม่ได้มาเพราะโชคช่วย และคงเป็น"การบ้าน"ให้สมาคมแบดมินตันไทยฯ"ลองคิดว่าจะทำอย่างไรเพื่อสร้างนักแบดใหม่ขึ้นมาป้อนทีมชาติที่มีฝีมือไว้ต่อสู้ในวันหน้า