หลังจากที่ยืนยันแล้วว่า ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการแข่งขัน 3 รายการของ HSBC BWF World Tour คือ YONEX Thailand Open ในวันที่ 12-17 มกราคม , TOYOTA Thailand Open วันที่ 19-24 มกราคม และ HSBC BWF World Tour Finals 2020 ในวันที่ 27-31 มกราคม ที่อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี
คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล นายกสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทย และรองประธานสหพันธ์แบดมินตันโลก(BWF) ได้ออกมายืนยันว่า การแข่งขันครั้งนี้ มีมาตรการป้องกัน Covid-19 ฝ่ายจัดการแข่งขันจึงค่อนข้างเข้มงวดกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยจะตรวจหาเชื้อนักกีฬาและผู้เกี่ยวข้องทุกคนหลายครั้ง ตั้งแต่ก่อนการกักตัวและหลังการกักตัวในรูปแบบ bubble quarantine คือการให้นักกีฬาและเจ้าหน้าที่จากประเทศเดียวกันอยู่ด้วยกันทั้งในสถานที่พักและสนามฝึกซ้อม
|
|
สำหรับ bubble quarantine ครั้งนี้ จะให้ชาวต่างชาติ ทั้งนักกีฬา เจ้าหน้าที่ และบุคลากรจาก BWF รวมทั้งทีมงานถ่ายทอดสด ผู้สื่อข่าวต่างชาติ และบุคลากรชาวไทย จะต้องเข้าไปอยู่ในพื้นที่ bubble quarantine โดยจะมีการตรวจหาเชื้อเป็นระยะ มีการกักตัว 14 วัน แต่นักกีฬาสามารถฝึกซ้อม และแข่งขันรายการแรกได้ตั้งแต่ครบกักตัววันที่ 8 เป็นต้นไป |
นอกจากนั้น การแข่งขันครั้งนี้ก็ยังแบ่งโซนสีในการกักตัวตามการระบาดของแต่ละประเทศคือ สีแดง สีเหลือง และสีเขียว ขณะที่สนามฝึกซ้อมจะลดลงจาก 8 เหลือเพียง 6 สนาม ที่จะมีระยะห่างกันและมีผนังกั้น ส่วนสนามแข่งขัน ก็จะลดลงจากปกติที่มี 4 สนาม เหลือ 3 สนาม เพื่อเว้นระยะห่างให้มากขึ้น ส่วนการถ่ายทอดสด ก็ถ่ายทอด 2 คอร์ต ตั้งแต่การแข่งขันรอบแรก จนถึงรอบชิงชนะเลิศ |
|
|
“นี่เป็นรายการประวัติศาสตร์ของวงการแบดมินตันโลก ที่จัดการแข่งขันเก็บคะแนนสะสมโลกระดับสูงที่สุด 3 รายการติดต่อกัน ใน 3 สัปดาห์ในประเทศเดียว โดยประเทศไทยได้รับเกียรติและได้รับความไว้วางใจให้จัดการแข่งขันที่จะมีมือท็อปจากทุกประเทศเดินทางมาแข่งขัน ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยและช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอีกทางหนึ่งด้วย” คุณหญิงปัทมากล่าว
สำหรับมาตรการทางสาธารณสุขในการแข่งขันแบดมินตันของ BWF นั้น กำหนดให้นักกีฬาและเจ้าหน้าที่ทุกคนต้องปฏิบัติตามขั้นตอนการเข้าประเทศไทยตามมาตรการของรัฐบาลไทย ได้แก่ การดำเนินการขอ COE การตรวจหาเชื้อก่อนเดินทาง 72 ชั่วโมง การขอ Fit to Fly และเมื่อเดินทารงมาถึงประเทศไทย ก็จะขึ้นรถแยกประเทศและระบุที่นั่งสู่โรงแรมที่พัก จากนั้นก็จะตรวจหาเชื้อครั้งที่ 1 ก่อนเข้าที่พัก โดยทุกคนจะต้องอยู่ในห้องพักจนกว่าจะทราบผลการตรวจหาเชื้อ
หลังจากนั้น นักกีฬาจะได้รับอนุญาตให้เริ่มการฝึกซ้อมเมื่อผลการตรวจหาเชื้อเป็นลบ แต่จะมีการตรวจหาเชื้อต่อเนื่องตั้งแต่ วันที่ 0, วันที่ 4, วันที่ 9, วันที่ 13, วันที่ 18, วันที่ 22, วันที่ 26 และตรวจอีกครั้วก่อนเดินทางกลับประเทศ เพื่อแสดงให้เห็นได้ว่ามีการตรวจหาเชื้ออย่างต่อเนื่องและถี่มาก
ขณะที่สถานที่ฝึกซ้อมของนักกีฬา ก็จะเว้นระยะห่าง มีการกั้นระหว่างสนามซ้อม และไม่อนุญาตให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปบริเวณดังกล่าว โดยการฝึกซ้อมของนักกีฬาจะฝึกซ้อมครั้งละประเทศ และเมื่อเสร็จสิ้นประเทศแรก ก็จะมีเจ้าหน้าที่เข้าไปทำความสะอาด ฆ่าเชื้อ ทันที ขณะที่การเดินทางของนักกีฬา ก็จะใช้รถประจำทีมและระบุที่นั่ง โดยมีการทำความสะอาดรถทุกรอบที่ให้บริการและพ่นฆ่าเชื้อทุกวัน
ส่วนบริเวณสนามแข่งขัน จะมีการแบ่งโซนอย่างเคร่งครัด โดยไม่อนุญาตให้ผู้ที่อยู่ใน bubble quarantine เดินทางออกนอกเส้นทางระหว่างที่พัก สนามแข่งขัน และสนามฝึกซ้อม การเดินเข้าออกในสนามแข่งขัน ก็จะแบ่งแยกเส้นทางการเข้าออกอย่างชัดเจน ส่วนการรับส่งลูกขนไก่ นักกีฬาจะไม่สัมผัสลูกขนไก่จากผู้ตัดสิน แต่จะรับจากเครื่องปล่อยลูกขนไก่ ขณะที่การสัมภาษณ์นักกีฬาก่อนหรือหลังแข่งขัน ก็จะเป็นการสัมภาษณ์ผ่านระบบออนไลน์
นี่จึงยืนยันและมั่นใจว่าการแข่งขันในไทยครั้งนี้จะสมบูรณ์แบบและปลอดเชื้ออย่างปลอดภัยทุกคนที่มาร่วมในการแข่งขันครั้งนี้
Cr.Photo : สมาคมกีฬาแบดมินตันไทยในพระบรมราชูปถัมภ์