คงรู้ดีกันแล้วว่าในเดือนมกราคมปีหน้า ประเทศไทย ได้รับเลือกจากสหพันธ์แบดมินตันโลก(BWF) ให้เป็นเจ้าภาพการแข่งขันแบดมินตันระดับสูงสุดของโลก 3 รายการ
โดยทั้ง 3 รายการที่จะจัดแข่งขันในประเทศไทยได้แก่ YONEX Thailand Open ที่เป็นการแข่งขันระดับ Super 1000 ชิงเงินรางวัล 1 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยจะแข่งขันระหว่างวันที่ 12 - 17 มกราคม ต่อด้วย TOYOTA Thailand Open ที่เป็น Super 1000 รายการที่ 2 ของปี ชิงเงินรางวัล 1 ล้านเหรียญสหรัฐ ในช่วงวันที่ 19 - 24 มกราคม
|
|
ปิดท้ายคือวันที่ 27-31 มกราคม จะเป็นการแข่งขัน HSBC World Tour Finals ชิงเงินรางวัลรวม 1.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่ถือเป็นเวทีสุดยอดของแบดมินตัน เพราะจะเลือกเฉพาะนักกีฬาที่ ”เก่งจริง” คือทำผลงานดีที่สุดในรอบปี 8 อันดับมารวมตัวกัน และที่พิเศษในปีนี้ก็คือ ไม่ให้สิทธิพิเศษกับ ”แชมป์โลก” เพราะปีนี้ ไม่มีการแข่งขัน แชมป์โลกปี 2019 จึงไม่ได้สิทธิพิเศษ |
จึงอย่าแปลกใจ หากมกราคม 2021 จะมีบุคคลที่เกี่ยวข้องกับวงการแบดมินตันจากทั่วโลก ทั้งนักกีฬาที่แฟนแบดมินตันหลายคนเคยเห็นผ่านจอทีวี โค้ชระดับโลก เจ้าหน้าที่ตลอดจนบุคคลที่เกี่ยวข้องทุกคน มารวมตัวเดินชนกันที่เมืองไทย
Badmintonthaitoday ขอย้ำและยืนยันว่า รายการใหญ่ที่ไม่เคยมีประเทศไหนได้จัดการแข่งขันติดต่อกันแบบนี้
“คนไทย” ทั้งประเทศ คือเจ้าภาพตัวจริง
รายการนี้ ถือเป็นรายการกีฬาที่รัฐบาลให้ความสำคัญ โดยในการแถลงข่าวแบบวีดีโอ คอนเฟอร์เรนซ์ ที่ห้องประชุม ชั้น 25 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา การกีฬาแห่งประเทศไทย เมื่อวานนี้ นอกเหนือจากผู้บริหาร BWF ทั้ง Poul-Erik Høyer ประธาน และ Thomas Lund เลขาธิการ BWF ร่วมแถลงข่าว |
|
|
ขณะเดียวกัน รัฐบาลไทย ก็ให้ความสำคัญ โดยมีรัฐมนตรีมาร่วมแถลงข่าว 2 คน คือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่มาเป็นสักขีพยานพิธีลงนาม
นั่นหมาย
”รัฐบาลไทย” สนับสนุนเต็มตัว
อย่างไรก็ตาม
“เจ้าภาพ” ตัวจริงของรายการนี้คือ
”คนไทยทั้งประเทศ” ที่จะต้องร่วมกันเป็นเจ้าภาพที่ดี ทั้งในและนอกสนาม
|
|
Poul-Erik Høyer ประธาน BWF กล่าวว่า BWF ต้องขอบคุณสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทย การกีฬาแห่งประเทศไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และหน่วยงานภาครัฐอื่นๆของประเทศไทย ในความพยายามที่จะช่วยให้การแข่งขันแบดมินตันทั้ง 3 รายการนี้เกิดขึ้นได้ และจะเป็นโอกาสสำคัญที่ทำให้แบดมินตันกลับมาแข่งขันได้อีกครั้ง |
“ประเทศไทยมีประสบการณ์ในการจัดแข่งขันกีฬาระดับโลกมากมายและ BWF เชื่อว่าในครั้งนี้ประเทศไทยจะสามารถจัดการแข่งขันได้อย่างสมบูรณ์และน่าติดตามตลอดช่วงเดือนมกราคมนี้” ประธาน BWF กล่าว
ขณะที่ คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล นายกสมาคมแบดมินตันแห่งประเทศไทย กล่าวว่าต้องขอบพระคุณรัฐบาลไทยที่ทำให้ความฝันของคนทั้งโลกเป็นจริง และในช่วงนั้น สปอตไลท์จะฉายส่องมายังประเทศไทยให้แฟนกีฬาทั่วโลกหลายพันล้านครัวเรือนชมการถ่ายทอดสดการแข่งขันครั้งประวัติศาสตร์โลกทั้งสามรายการ
“ขอขอบพระคุณกระทรวงสาธารณสุข สำหรับมาตรการที่เข้มงวดสูงสุด ในการควบคุมการแพร่ระบาด และดูแลสุขภาพของนักกีฬาและผู้ติดตาม รวมถึงทีมงานชาวไทย และทุกภาคส่วนใน Bubble Quarantine ให้ปราศจากความเสี่ยง และสร้างความมั่นใจให้กับนักกีฬาทุกคนที่มาร่วมแข่งขัน” นายกสมาคมแบดมินตันไทยกล่าว
สำหรับการเลือกประเทศไทยนั้น Thomas Lund กล่าวว่า การที่ประเทศไทยจะจัดการแข่งขัน 3 รายการติดต่อกันในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยจาก Covid-19 เป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะถึงเวลาแล้วที่การแข่งขันแบดมินตันระดับโลกควรจะได้กลับมาแข่งขันอีกครั้ง
แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ
“คนไทย” ที่ต้องเป็น
”เจ้าภาพ” ที่สมบูรณ์แบบ นั่นคือทำหน้าที่ของตัวเอง เพราะแม้ประเทศไทยอาจจะ”ปลอดเชื้อ” แต่การระมัดระวังก็ยังคงต้องมี การไปชมที่สนาม จึงต้องปฏิบัติตามกฎอย่างเช้มงวด และหากมีข้อปฏิบัติห้ามติดต่อนักกีฬา ก็ต้องห้ามติดต่อเด็ดขาด
การแข่งขัน SaarLorLux Open 2020 ที่เยอรมัน เมื่อวันก่อน นักกีฬาชายเดี่ยวจากอินเดีย 3 คนก็ถูก BWF ให้ออกจากการแข่งขัน เมื่อตรวจสอบพบว่ามีพ่อของนักกีฬาคนหนึ่งเข้าพบลูกชายที่กำลังแข่งขัน ซึ่งถือเป็นข้อห้ามในระหว่างการแข่งขันที่มี Bubble Quarantine เพื่อปกป้องนักกีฬา |
|
|
ขณะเดียวกัน สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้และหลายคนเป็นห่วง จนถึงขั้นสื่ออินโดนีเซียยังเสนอบทความว่าจะเป็นอุปสรรคในการจัดการแข่งขัน คือการชุมนุมทางการเมือง ที่เคยทำให้ประเทศไทยต้องยกเลิกการแข่งขัน Thailand Open มาแล้วเมื่อหลายปีก่อน
แต่ถึงตอนนี้ ยังมีเวลาอีกกว่า 2 เดือนก่อนการแข่งขันจะเริ่ม จึงเชื่อว่าทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สามารถหาทางออกร่วมกันในการแก้ปัญหาทางการเมือง เพื่อเดินหน้าประเทศไทย
โดยการแข่งขันแบดมินตันระดับโลกทั้ง 3 รายการ คือธงนำในการเปิดประเทศไทยครั้งใหม่