เพียงระยะเวลาไม่กี่ปีสำหรับแบดมินตัน ดูเหมือนว่านักกีฬา”คลื่นลูกใหม่”เริ่มกดดันให้”คลื่นลูกเก่า”ถูกพัดหายไปจากสายตา โดยเฉพาะในประเภทหญิงเดี่ยว ที่กล่าวได้ว่าเป็นยุคของ”วัยรุ่น” ดังจะเห็นได้จากที่ TAI Tzu Ying หญิงเดี่ยวมือหนึ่งโลกยังเคยเปรยว่าอาจจะตัดสินใจเลิกเล่นหลังจบโอลิมปิก 2020 ที่เดิมกำหนดแข่งขันปีนี้ ทั้งที่อายุเพิ่ง 25
 

การมี ”คลื่นลูกใหม่” มากมาย ทำให้นักกีฬาหญิงเดี่ยวระดับ ”บิ๊กเนม” หลายคน กำลังจะต้องเร่งเค้นฟอร์ม หากยังต้องการไปแข่งขันโอลิมปิก และที่น่าสนใจก็คือ การเร่งเค้นฟอร์มเก่งนั้น เพียงเพื่อได้สิทธิ์และโควตาในฐานะนักกีฬาคนที่ 2 ของประเทศ เนื่องจากมือหนึ่งที่ได้โควตา เป็น ”คลื่นลูกใหม่”

 

เริ่มจาก Saina NEHWAL อดีตมือหนึ่งโลกจากอินเดีย ที่เคยขึ้นมาเป็นนักแบดมินตันหญิงเดี่ยวมือหนึ่งโลกและเป็นเจ้าของเหรียญทองแดงหญิงเดี่ยวโอลิมปิก 2012 ที่ลอนดอน แต่ปัจจุบันอันดับโลกร่วงไปอยู่ที่ 20 ที่หมายถึงไม่ได้ไปแข่งขันโอลิมปิก 2020 ที่จะแข่งขันในปีหน้า

ทั้งนี้ ตามกฎของสหพันธ์แบดมินตันโลก(BWF)นั้น นักกีฬาประเภทเดี่ยวที่ติดอันดับ 1-16 ในอันดับ RACE TO TOKYO - BWF OLYMPIC QUALIFICATION หรือการเก็บคะแนนไปโอลิมปิก จะได้รับสิทธิ์โดยอัตโนมัติ แต่จะได้รับคงโควตาเพียงชาติละ 2 คน แต่หากมีนักกีฬาชาติไหนที่ติดอันดับ 1-16 อยู่แล้ว นักกีฬาชาตินั้นก็จะถูกตัดสิทธิเพื่อแบ่งโควตาให้นักกีฬาชาติอื่นหรือทวีปอื่น
 

กฎดังกล่าวทำให้ Saina NEHWAL ที่เป็นมือ 20 ของโลก แต่คะแนนสะสมโอลิมปิกอยู่ที่ 22 ในการจัดอันดับครั้งล่าสุดที่ถูก ”แช่แข็ง” ไว้เมื่อวันที่ 24 มีนาคม ก็ไม่ได้รับสิทธิ์ เพราะใน 16 อันดับแรกนั้น มีชื่อของ PUSARLA V. Sindhu แชมป์โลก 2019 รั้งอยู่อันดับ 7

 

อย่างไรก็ตาม การเก็บคะแนนไปโอลิมปิกที่เลื่อนไปจนถึงเดือนเมษายนปีหน้า ยังคงเปิดช่องให้อดีตหญิงเดี่ยวมือหนึ่งโลกจากอินเดียมีโอกาสไม่น้อย เนื่องจากเธอตามหลังอันดับ 16 ในขณะนี้คือ “หมิว”พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์ ที่มีคะแนน 19,176 คะแนนอยู่เพียง 7,329 คะแนน คือการเข้ารอบลึกๆหรือชิงชนะเลิศรายการใหญ่ๆก็มีโอกาสได้คะแนนนั้น

แต่ในความเป็นจริง มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะการอยู่อันดับ 16 ของ”หมิว”พรปวีณ์ ก็ทำให้สาวไทยที่กำลังโชว์ฟอร์มดี ก็ไม่ได้สิทธิ์เช่นกัน เนื่องจากนักกีฬาไทยที่ได้โควตาในขณะนี้ก็มีแล้ว 2 คนคือ”เมย์” รัชนก อินทนนท์ อดีตแชมป์โลก 2013 ที่มีคะแนนสะสมอยู่อันดับ 6 และ”ครีม”บุศนันทนท์ อึ๊งบำรุงพันธ์ ที่มีคะแนนสะสมอยู่อันดับ 11 ที่ 51,964 ซึ่งมากกว่า ”หมิว” อยู่แค่ 2,788 คะแนน
 

ที่สำคัญก็คือ แรงผลัดกันสำหรับ ”หมิว” จะมีมาก เพราะนอกเหนือจาก”ข้างบน”คือ “ครีม”บุศนันทนท์ ที่เธอตามหลังไม่ถึงสามพันคะแนนแล้ว นักกีฬาที่ยังมองข้ามไม่ได้ คือยังมีโอกาสที่จะแย่งชิงโควตาที่ 2 ของหญิงเดี่ยวจากประเทศไทย ก็ยังมี ”แน๊ต”ณิชชาอร จินดาพล ที่อยู่อันดับ 21 ที่ 43,320 และ”จิว”พิทยาภรณ์ ไชยวรรณ ที่ตามมาที่อันดับ 25 ด้วยคะแนน 38,852 คะแนน

 

ศึกที่เดิมพันด้วยตำแหน่ง ”มือ2” ในประเภทหญิงเดี่ยวของไทย จึงยังเข้มข้นและยากที่จะคาดเดาได้ว่าใครจะได้สิทธิ์ และการชิงชัยนี้ก็ส่งผลโดยตรงถึง Saina NEHWAL ไปอีกคน

หญิงเดี่ยวระดับ ”บิ๊กเนม” อีกคนที่ยังต้องเร่งคืนฟอร์มเพื่อชิงโควตามือ 2 ของประเทศไปโอลิมปิก 2020 ในปีหน้าก็คือ SUNG Ji Hyun นักกีฬาสาวหน้าหวานจากเกาหลีที่เคยขึ้นมาเป็นมือ 2 โลก และกำลังเร่งคืนฟอร์มหลังจากเจออาการบาดเจ็บเรื้อรังมายาวนาน

ถึงวันนี้ สำหรับนักกีฬาเกาหลีนั้น โควตาหญิงเดียวถูกจองโดย AN Se Young สาวน้อยวัย 18 มือ 9 ของโลกที่คะแนนสะสมอยู่อันดับ 8 ที่ 64,718 คะแนน
 

แต่ ”ความยาก” ของ SUNG Ji Hyun ที่คะแนนสะสมอยู่อันดับ 15 ที่ 49,410 คะแนน ไม่ได้มีเพียง AN Se Young ที่คะแนนสะสมอยู่อันดับ 8 เท่านั้น หากแต่ยังมี KIM Ga Eun รุ่นน้องวัย 22 ที่คะแนนแซงเธอมาอยู่ที่ 14 ด้วย 50,640 คือมากกว่าเธอเพียง 1,230 คะแนน จึงได้โควตาอันดับ 2 ไปเฉย ทั้งที่อันดับโลกนั้น KIM Ga Eun อยู่อันดับ 17 ที่ 49,933 คะแนน ขณะที่ SUNG Ji Hyun อยู่อันดับ 14 ที่ 53,050 คะแนน

 

ถึงวันนี้ แบดมินตันที่จะกลับมาแข่งขันอีกครั้งในเดือนกันยายน และคะแนนสะสมไปโอลิมปิก 2020 ที่จะแข่งขันกลางปีหน้าจะสิ้นสุดในเดือนเมษายนปีหน้า ก็ยังเปิดกว้างให้นักกีฬาหลายคนต้องเร่งงัดฟอร์มเพื่อไปร่วมแข่งขันให้ได้ และเชื่อว่าแฟนของ Saina NEHWAL และ SUNG Ji Hyun ก็ยังอยากเห็นทั้งคู่ไปโอลิมปิก

 


ส่วนนักกีฬาไทยนั้น แฟนแบดมินตันคงเชียร์ทุกคน..แม้จะได้มากที่สุดแค่ 2 คน