มีคำกล่าวที่ยังไม่มีคำตอบที่ถูกต้องชัดเจนว่า ระหว่างนักกีฬาที่มี
”พรสวรรค์” กับนักกีฬาที่มี
”พรแสวง” ใครจะประสบความสำเร็จมากกว่า
|
|
อย่างไรก็ตาม “พรสวรรค์” เป็นเรื่องที่ Lin Dan บอกว่า “ไม่มีจริง” และกล่าวถึง ”ความสำเร็จ” ที่ผ่านมาของนักกีฬาจีนว่าไม่ใช่มาจาก ”พรสวรรค์” แต่มาจาก ”พรแสวง” |
"ผมไม่ใช่อัจฉริยะ" Lin Dan ให้สัมภาษณ์ไว้ "อัจฉริยะไม่มีจริง ไม่ว่าผมหรือนักแบดมินตันจีนคนอื่นๆ พวกเรามาถึงจุดนี้ได้เพราะเราซ้อมกันหนักมาก เราผ่านการฝึกฝนมาเป็นระยะเวลาอันยาวนานยิ่งกว่าชาติอื่นๆ เราเติบโตพร้อมกับเทคนิค, แท็คติก และจิตวิทยา รวมถึงสั่งสมประสบการณ์ผ่านการแข่งขันในแต่ละเกม" |
|
|
นี่จึงไม่แปลกที่ล่าสุด สมาคมแบดมินตันจีน ตัดสินใจว่าจ้าง Kang Kyung-jin อดีตโค้ชทีมชาติเกาหลี มาทำงานเป็นโค้ชทีมชาติจีน และเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ เพราะนี่คือการว่าจ้าง
”โค้ชต่างชาติ” คนแรกของทีมแบดมินตันจีน ที่คงไม่มีใครเชื่อว่าวันหนึ่ง สมาคมแบดมินตันจีนจะว่าจ้าง
”ต่างชาติ” มาเป็นโค้ชทีมชาติ
“เป้าหมาย” ใหญ่สุดในการว่าจ้างก็คือ การให้ Kang Kyung-jin มา
”ปลุก”นักกีฬาจีนเพื่อเหรียญทองโอลิมปิก 2020 ที่มหานครโตเกียว (อ่านเรื่องนี้ใน https://www.thestar.com.my/sport/badminton/2019/09/03/china-turns-to-south-korean-for-olympic-success-in-badminton )
|
|
ย้อนกลับไปข้างต้นที่ Lin Dan กล่าว นั่นคือ ”ความสำเร็จ” ของทีมแบดมินตันจีนในอดีตที่ผ่านมา มาจากการฝึกซ้อมหนักและเสริมด้วยเทคนิค แท็คติกจนถึงจิตวิทยา แล้วไฉนทุกวันนี้ นักกีฬาจีนถึงกับแทบจะหาความสำเร็จยากกว่าในอดีต ซึ่งคงไม่มีใครรู้ดีเท่ากับสมาคมแบดมินตันจีน ที่ตัดสินใจ ”แก้ปัญหา” ด้วยการว่าจ้างโค้ชต่างชาติเป็นครั้งแรก |
อาจจะเป็นไปได้ว่าในช่วงหลัง นักกีฬาจีนหลายคนคุ้นเคยกับ ”โค้ช” ที่เป็นนักกีฬารุ่นพี่ ทำให้บ่อยครั้งขาดความยำเกรงที่จะซ้อมหนัก โดยมองว่า ”เฮีย” หรือ ”เจ๊” เป็นคนใจดี ซึ่งต่างจากก่อนโอลิมปิก 2012 ที่นักกีฬาจีนซ้อมวิ่งขึ้นภูเขา ซ้อมวันละ 10 ชั่วโมงเพื่อสร้างพละกำลัง นั่นคือการสร้าง ”พรแสวง” มาเสริม ”พรสวรรค์” |
|
|
|
|
ไม่มีใครบอกได้ว่า ”โค้ชเกาหลี” เก่งแค่ไหน แต่กรณีของ Park Joo-bong หัวหน้าโค้ชทีมชาติญี่ปุ่น ที่สร้างประวัติศาสตร์มากมายให้นักกีฬาญี่ปุ่นเข้าแถวพาเหรดคว้าแชมป์รายการต่างๆ ก็น่าจะถือเป็น ”ต้นแบบ” ของการใช้ ”วินัย” แบบเกาหลีมาสร้างนักกีฬาญี่ปุ่น |
เมื่อครั้งที่นำนักกีฬาญี่ปุ่นมาแข่งขัน Thomas&Uber Cup ที่ประเทศไทย Park Joo-bong ได้ให้สัมภาษณ์หลังการแข่งขันโดยยกย่องทั้งทีม Uber Cup และทีม Thomas Cup ของญี่ปุ่น ที่สามารถผ่านเข้ามาชิงชนะเลิศทั้ง 2 ทีมและคว้าแชมป์ได้ในประเภททีมหญิง และย้ำว่า ”ความสำเร็จ” ไม่มีเคล็ดลับอะไร เพราะเป็นเรื่องที่ทุกคนรู้ |
|
|
"พวกเราทั้งหมด ทั้งนักกีฬาและโค้ชทำงานหนักมาก ทุกคนมีแรงจูงใจเพื่อให้ผลงานออกมาดีที่สุดไม่ว่าจะเป็นการฝึกซ้อมและการแข่งขัน" หัวหน้าโค้ชทีมชาติญี่ปุ่นชาวเกาหลีกล่าวในเมืองไทยวันแถลงข่าว
|
|
นักกีฬาญี่ปุ่นในยุค Park Joo-bong จึงเป็นนักกีฬาประเภท ”วิ่งสู้ฟัด” ชนิดไม่จบแมทช์ไม่มีเลิก ทำให้ทั้ง Akane YAMAGUCHI หญิงเดี่ยวมือหนึ่งโลก และ Nozomi OKUHARA แชมป์โลกหญิงเดี่ยว 2017 ที่เสียเปรียบเรื่องสรีระ สามารถเป็นแชมป์หลายรายการ |
แต่ก่อนจะถึงโอลิมปิก 2020 โค้ชเกาหลีอีกคน ก็สร้างปรากฏการณ์ นั่นคือ Kim Ji Hyun อดีตโค้ชทีมชาติเกาหลีอีกคน ถูกสมาคมแบดมินตันอินเดียว่าจ้างมาร่วมงาน และสามารถทำให้สร้าง PV Sindhu เป็นแชมป์โลกคนแรกของอินเดียในปีนี้ |
|
|
|
|
เมื่อ Park Joo-bong สามารถสร้างให้นักกีฬาญี่ปุ่น ”วิ่งสู้ฟัด” จึงไม่แปลกใจที่ Kim Ji Hyun แก้เกมให้อินเดีย และ PV Sindhu คว้าแชมป์โลกโดยชนะ Nozomi OKUHARA ในรอบชิงชนะเลิศอย่างง่ายดายเกินคาด |
อาจจะไม่ใช่เหตุผลที่ถูกต้อง แต่เชื่อว่านี่คือหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้สมาคมแบดมินตันจีนเลือก Kang Kyung-jin มาเป็นโค้ชต่างชาติคนแรก โดยมีเวลาหนึ่งปีในการ ”สร้าง” นักกีฬาเพื่อเหรียญทองโอลิมปิก |
|
|
แม้
”พรสวรรค์” จะเป็นเรื่องสำคัญ แต่ถึงตอนนี้
”พรแสวง” คือคำตอบของความสำเร็จ และเป็นเหตุผลให้
”ยักษ์ใหญ่” ของแบดมินตัน ทั้งจีน เกาหลี อินเดีย เลือกอิมพอร์ตโค้ชชาวเกาหลีมาทำหน้าที่นี้
ผลงานในสนามคือคำตอบที่ชัดเจน