จบไปแล้วสำหรับการแข่งขันชิงแชมป์โลก 2019 รายการ TOTAL BWF World Championships 2019 ที่เมือง Basel ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ซึ่งผลการแข่งขันมีทั้งเป็นไปตามคาดและพลิกล็อค แต่สิ่งที่ตามมาก็คือ ศึกชิงแชมป์โลกครั้งนี้ เป็น
”การบ้าน”ที่ทุกชาติจะต้องนำกลับไปทบทวน เพื่อเป้าหมายใหญ่ที่สุด นั่นคือ โอลิมปิก 2020 ที่มหานครโตเกียว ในเวลาอีกหนึ่งปีเต็ม
|
|
โดยเริ่มต้นที่ประเภทชายเดี่ยว ที่ Kento Momota มือหนึ่งโลกและแชมป์เก่า ป้องกันแชมป์สำเร็จเมื่อเอาชนะ Anders Antonsen มือ 5 จากเดนมาร์คที่มาถึงรอบชิงได้แบบง่ายดายเกินคาด 21-9,21-13 |
ประเทศที่จะต้องคิดมากที่สุดในประเภทนี้ก็ต้องเป็น ”จีน” ที่อาจจะมี ”ข้ออ้าง” ในความล้มเหลวครั้งนี้ว่าเป็นเพราะ SHI Yu Qi นักแบดมินตันมือ 3 โลกยังได้รับบาดเจ็บ แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลเพียงพอ เพราะสถานการณ์แบบนี้เกิดขึ้นได้เสมอ และที่สำคัญก็คือ CHEN Long และ LIN Dan ก็ไม่ได้ขี้เหร่หรือโนเนมถึงขั้นจะมีคนกาชื่อออกจากทำเนียบตัวเก็ง เพียงแต่เวทีนี้ในปีนี้ ไม่ใช่เวทีของ 2 ผู้เล่นเจ้าของเหรียญทองโอลิมปิก 3 ครั้งล่าสุด |
|
|
ขณะที่
”เดนมาร์ค” แม้จะถือว่า Anders ANTONSEN นักกีฬาหนุ่มที่อันดับโลกพุ่งขยับมาอยู่อันดับ 5 ของโลกทำผลงานได้ดี แต่ก็เห็นแล้วว่าเขายังไม่
”นิ่ง” พอสำหรับรายการใหญ่เช่นนี้ จึงต้องรอว่าเมื่อไร Viktor AXELSEN อดีตแชมป์โลกจะกลับมาลงคอร์ต และปัญหาคือเมื่อกลับมาแล้ว Viktor AXELSEN จะรักษาฟอร์มเก่งได้ดีแค่ไหน เพราะนักกีฬาที่”เจ็บบ่อย”มักจะหาฟอร์มเก่งไม่เจอ
|
|
ส่วนมาเลเซีย ถือว่ามีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ กับการปรากฏตัวของ LEE Zii Jia ที่ต้องถือเป็นตัวแทน LEE Chong Wei อย่างเต็มตัวแล้ว เช่นเดียวกับไทยที่”กัน”กันตภณ หวังเจริญ ซึ่งแนะนะตัวต่อโลกแบดมินตันในศึก World Tour Final เมื่อปลายปีก่อน ที่คราวนี้ขยับขึ้นมาเป็นเจ้าของเหรียญทองแดงศึกชิงแชมป์โลก ในการเข้าร่วมการแข่งขันครั้งแรก |
ในประเภทหญิงเดี่ยว การคว้าแชมป์ของ Pusarla V. Sindhu ที่เอาชนะ Nozomi Okuhara ในรอบชิงแบบง่ายดายอีกประเภทด้วยสกอร์ 21-7 , 21-7 นอกจากจะเป็น ”แชมป์แรก” ของอินเดียในศึกชิงแชมป์โลกแล้ว นี่ถือเป็นเกียรติยศส่วนตัวของเธอที่ถูกเรียกขานว่าเป็น ”นางรอง” มายาวนาน และในอินเดียเธอน่าจะขยับจาก Princess เป็น Queen แบดมินตันแทนที่ Saina NEHWAL อดีตนักแบดมินตันหญิงเดี่ยวมือหนึ่งโลกอย่างเต็มตัว |
|
|
|
|
ขณะเดียวกัน ชัยชนะของสาวอินเดีย ยังส่งผลโดยตรงถึง”ญี่ปุ่น” เพราะ Akane YAMAGUCHI นักกีฬามือหนึ่งโลกตกรอบเร็วเกินคาด ขณะที่ Nozomi OKUHARA ก็เจอเกมเล่นยากในวันชิงชนะเลิศ ถึงกับร่ำไห้ในการสัมภาษณ์หลังจบเกมว่าเป็นผลการแข่งขันที่เสียใจที่สุดในชีวิต |
การพ่ายแพ้ของ Nozomi OKUHARA ยังแสดงให้เห็นว่า PUSARLA V. Sindhu เหมาะสมกับการเป็นแชมป์ เพราะในรอบ 8 คนสุดท้าย เธอก็ชนะ TAI Tzu Ying ที่ถือเป็น”เต็งหนึ่ง”ที่จะคว้าแชมป์โลก และชัยชนะทุกครั้งของแชมป์โลกคนล่าสุด แสดงให้เห็นว่าสรีระเป็นสิ่งที่ถูกนำมาใช้เพื่อสร้างความได้เปรียบ ดังที่ TAI Tzu Ying เคยกล่าวเมื่อครั้งที่บอกว่าหลังจบโอลิมปิก 2020 ว่าเธออาจจะเลิกเล่น ว่าเพราะเธอมีรูปร่างเล็ก จึงไม่มีใครรู้ว่าเหนื่อยแค่ไหนกว่าจะจบแต่ละแมทช์ |
|
|
ส่วนชาติที่ต้องคิดหนักที่สุดก็คงเป็น
”จีน” ที่ยังหา
”แชมป์โลกหญิงเดี่ยว” ต่อไปหลังหมดยุค
”สองหวังหนึ่งลี” เพราะทั้ง CHEN Yu Fei ที่ได้เหรียญทองแดง และ HE Bing Jiao ก็ยังไม่สามารถฝากผีฝากไข้ได้ ขณะที่นักกีฬาคนอื่น ทั้ง HAN Yue , CAI Yan Yan หรือ CHEN Xiao Xin ก็ยังห่างกับมือระดับโลก ส่วน GAO Fang Jie ที่เคยพุ่งแรงก็ยังไม่มีกำหนดกลับมาลงสนามหลังบาดเจ็บเมื่อต้นปีที่มาเลเซีย
|
|
ในส่วนของประเทศไทย ก็มีเพียง ”เมย์” รัชนก อินทนนท์ ที่ยังเป็นความหวังเดียว แต่เมื่อมองอายุนักกีฬา ก็ถือว่า”หมิว”พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์ น่าจะเป็นคลื่นลูกใหม่ก่อนที่จะถ่ายไปถึง “จิว” พิทยาภรณ์ ไชยวรรณ หรือ “พิ้งค์” พิชฌามลณ์ โอภาสนิพัทธ์ ในอนาคต |
ประเภทชายคู ที่ “สิงห์เฒ่า” Mohammad Ahsan / Hendra Setiawan จากอินโดนีเซีย กลับมาคว้าแชมป์โลกเป็นสมัยที่ 3 เมื่อเอาชนะ Takuro Hoki / Yugo Kobayashi จากญี่ปุ่น 2-1 เกม 25-23, 9-21, 21-15 ที่แสดงให้เห็นว่าทั้งคู่มี ”กลยุทธ์” ในการเอาชนะ ถึงขั้นกรรมการต้องเตือนในท้ายเกม 2 ที่ทั้งคู่ ”ตีทิ้ง” เพื่อเก็บแรงไว้เล่นเกม 3 และคว้าแชมป์สำเร็จ |
|
|
|
|
อย่างไรก็ตาม แม้คู่ ”สิงห์เฒ่า” จะคว้าแชมป์ แต่ก็ต้องถือว่าในประเภทนี้ “อินโดนีเซีย” น่าจะยังเป็นเจ้าสนาม เพราะยังมี Marcus Fernaldi GIDEON/ Kevin Sanjaya SUKAMULJO คู่มือหนึ่งโลกที่ ”เต็งแชมป์” ทุกรายการที่ลงสนาม และไม่พลาดที่จะคว้าแชมป์หากไม่เล่นแบบกดดันจนแพ้ตัวเอง |
“จีน”จึงเป็นชาติที่ต้องทำการบ้านหนัก เพราะแม้ LI Jun Hui / LIU Yu Chen คู่มือ 3 โลกจะได้เหรียญทองแดง แต่สำหรับพวกเขาแล้วนั่นหมายถึงความล้มเหลว ขณะที่ LIU Cheng / ZHANG Nan ที่เคยมีดีกรีแชมป์โลก ก็ดูจะไม่ใช่ความหวังเพราะมีการแยกคู่ไปแล้ว แม้ชิงแชมป์โลกคราวนี้ยังลงสนาม โดยมี HAN Cheng Kai / ZHOU Hao Dong ขยับมาเป็นคู่มือ 2 แทน |
|
|
ส่วนญี่ปุ่น แม้คู่ Takuro HOKI / Yugo KOBAYASHI จะเข้ามาถึงรอบชิงชนะเลิศ แต่สำหรับญี่ปุ่น Takeshi KAMURA / Keigo SONODA ยังเป็นคู่มือหนึ่ง และ Hiroyuki ENDO / Yuta WATANABE เป็นคู่มือ 2 ยกเว้นในโอลิมปิก 2020 ที่เป็นคำถามว่าจะขยับ Yuta WATANABE ไปเล่นเฉพาะประเภทคู่ผสม เพราะทุกวันนี้ หลายชาติมองเห็นแล้วว่า นักกีฬาที่เล่น 2 ประเภทจะเหนื่อยเกินไปและทำผลงานได้ไม่ดีทั้ง 2 ประเภท
|
|
ในประเภทชายคู่ ถือว่า ”มาเลเซีย” เป็นหนึ่งในชาติที่มีพัฒนาการมาก โดยคู่ใหม่คือ Aaron CHIA / SOH Wooi Yik แสดงให้เห็นว่าพร้อมแล้วที่จะมาแทนที่ GOH V Shem / TAN Wee Kiong เจ้าของเหรียญเงินโอลิมปิก 2016 |
ส่วนประเทศไทยนั้น ต้องยอมรับว่านี่เป็นประเภทที่ยังคงเป็น
”จุดอ่อน” ของไทยหลังการขาดหายไปของคู่ “ติน-ดีโก้” ติณณ์ อิสริยะเนตร / กิตติศักดิ์ นามเดช ที่ยังไม่สมบูรณ์ โดยมีเพียง ”อาร์ท-เอ”บดินทร์ อิสสระ / มณีพงษ์ จงจิตร ที่ยังคงตระเวนแข่งขันและทำผลงานพร้อมคะแนนสะสมไปโอลิมปิก 2020
ในประเภทหญิงคู่ ที่เป็นอีกครั้งที่ ”ญี่ปุ่น” ประกาศความเป็นเจ้าสนาม เมื่อคู่ชิงชนะเลิศเป็นคู่เดิมและผลการแข่งขันออกมาแบบเดิม โดย Mayu Matsumoto / Wakana Nagahara ป้องกันแชมป์สำเร็จเมื่อเอาชนะ Yuki Fukushima / Sayaka Hirota คู่รุ่นพี่ 2-1 เกม 21-11 , 20-22 , 23-21 |
|
|
การเข้าชิงชนะเลิศของคู่นี้ 2 ปีติด ดูจะเป็นการปิดประตูสำหรับ Misaki MATSUTOMO / Ayaka TAKAHASHI ที่จะไปป้องกันแชมป์หญิงคู่ในโอลิมปิก นอกจากจะสามารถงัดฟอร์มเก่งในช่วง 8 เดือนจากนี้ไปเพื่อสร้างผลงานและคว้าแชมป์รายการต่างๆ
|
|
อย่างไรก็ตาม จากนี้ไปจะเป็นงานยากของญี่ปุ่น เพราะการเป็นแชมป์มากมายหลายรายการ ทำให้นักกีฬาหญิงคู่ของญี่ปุ่นจะตกเป็นเป้าหมายในการพิสูจน์ฝีมือ โดยถึงเวลานี้ นักกีฬาเกาหลีเริ่มค้นพบสูตรเอาชนะญี่ปุ่นได้แล้วในหลายรายการ ทั้งคู่ LEE So Hee / SHIN Seung Chan และคู่ KIM So Yeong / KONG Hee Yong เพียงแต่ไม่ประสบความสำเร็จในศึกชิงแชมป์โลก |
ส่วนชาติที่น่าจะคิดหนักสำหรับประเภทหญิงคู่ก็คือ ”จีน” เพราะแม้ DU Yue / LI Yin Hui จะทำผลงานได้ถึงเหรียญทองแดง แถมเอาชนะคู่เหรียญทองโอลิมปิก 2016 จากญี่ปุ่นในรอบ Quarter Final ซึ่งก็ยังต้องมีการพัฒนามากขึ้น และน่าจะเป็นคู่ความหวังมากกว่า CHEN Qi CHEN / JIA Yi Fanng อดีตแชมป์โลกที่ตกรอบเร็วเกินคาด แถม CHEN Qing Chen ก็เป็น ”เป้า” ในการโจมตีของคู่ต่อสู้จนเสียคะแนนง่ายๆหลายครั้ง |
|
|
|
|
สำหรับไทยนั้น “กิ๊ฟ-วิว”จงกลพรรณ กิตติธรากุล / รวินดา ประจงใจ ยังคงทำผลงานได้ในระดับแค่เข้ารอบลึกๆ ขณะที่คู่”เอิร์ธ-ปอป้อ” พุธิตา สุภจิรกุล / ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย ก็น่าจะถึงเวลาชัดเจนว่าต้องแยกคู่ เพื่อรักษาสภาพร่างกายของ”ปอป้อ”ให้ไปมุ่งมั่นในประเภทคู่ผสม เพราะการลงสนาม 2 ประเภท สุดท้ายก็จะล้มเหลวทั้งหมด |
ปิดท้ายประเภทคู่ผสม ซึ่ง ”แชมป์เก่า” Zheng Si Wei / Huang Ya Qiong สามารถป้องกันแชมป์ได้โดยเอาชนะ “บาส-ปอป้อ” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ / ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย 21-8,21-12 |
|
|
|
|
สำหรับประเภทคู่ผสมนั้น ในเวลานี้ต้องถือว่า ”จีน” ยังคงเป็นชาติที่หาคนต่อการยาก แม้ญี่ปุ่นจะมี Yuta WATANABE / Arisa HIGASHINO ไทยมี “บาส-ปอป้อ” มาเลเซียมี CHAN Peng Soon / GOH Liu Ying เกาหลีมี SEO Seung Jae / CHAE YuJung หรืออินโดนีเซียมี Praveen JORDAN / Melati Daeva OKTAVIANTI แต่อย่าลืมว่า ก่อนถึงคู่แชมป์โลก จีนยังมี WANG Yi Lyu / HUANG Dong Ping คู่มือ 2 โลกที่รอพบนักกีฬาจากทุกชาติ |
ขณะเดียวกัน ปัญหาของญี่ปุ่นและไทย ที่เป็นมือ 3 และ 4 ในประเภทนี้ ก็คือมีนักกีฬาที่เล่น 2 ประเภท ที่ถึงตอนนี้พิสูจน์แล้วว่า
”ไม่เวิร์ค” นั่นคือ Yuta WATANABE ยังมีภารกิจชายคู่ และ ”ปอป้อ” ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย ที่มีภารกิจหญิงคู่ ซึ่งถึงตอนนี้ คู่ของจีนอย่าง ZHANG Nan / LI Yin Hui ที่เคยทำผลงานได้ดี ก็ต้องเลิกเพื่อให้แต่ละคนมีภารกิจเพียงประเภทเดียว และ LI Yin Hui ก็ทำผลงานได้ดีในประเภทหญิงคู่
การแข่งขันชิงแชมป์โลก 2019 ที่จบไป ถือว่ามีทั้งชาติที่ประสบความสำเร็จและล้มเหลว ซึ่งแน่นอนว่า จะสะท้อนถึงภาพรวมการแข่งขันโอลิมปิก 2020 แต่เวลาอีกหนึ่งปี ก็ถือว่ามากพอที่จะปรับปรุงแก้ไข และนั่นคือการเปิดกว้างสำหรับนักกีฬาทุกคนจากทุกชาติ ที่มีโอกาสคว้าเหรียญรางวัลโอลิมปิก 2020
รวมทั้งนักกีฬาไทย..ทุกคน ทุกประเภท ที่แฟนแบดมินตันทั้งประเทศส่งใจเชียร์