ถึงตอนนี้ กล่าวได้ว่า วงการแบดมินตันโลก ”เปลี่ยนทีม” ไปจากเดิม โดยเฉพาะหลังจบโอลิมปิก 2016 ที่ริโอ ซึ่งบรรดา ”บิ๊กเนม” ที่แฟนแบดมินตันทั่วโลกติดตามชม ติดตามเชียร์ พากันพาเหรดเลิกราไปหลายคน โดยเฉพาะทีมชาติจีน ที่นักแบดชื่อดังทั้งประเภทเดี่ยวและประเภทคู่ ประกาศเลิกเล่นทีมชาติแทบจะยกชุด'

 

แต่สำหรับจีน ถือเป็นโชคดีที่สมาคมแบดมินตันจีนได้วางแผนและเตรียมการไว้แล้ว โดยถึงตอนนี้ ดูเหมือน ”คลื่นลูกใหม่” ของวงการแบดมินตันจีน ก้าวข้าม ”อนาคต” มาอยู่ในปัจจุบันเรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องเอ่ยชื่อซ้ำ ลองนึกย้อนไปหลังจบริโอเกม 2016 แบดมินตันซูเปอร์ซีรีส์ 4 รายการตั้งแต่ที่ญี่ปุ่น เกาหลี เดนมาร์ค และฝรั่งเศส หรือรายการระดับกรังด์ปรีซ์โกลด์ล่าสุดที่เยอรมัน ก็เป็นนักแบดมินตันจีน”รุ่นใหม่” นัดหมายกันโชว์ฟอร์มให้โลกลูกขนไก่รู้จักพวกเขากันถ้วนหน้า คลื่นลูกใหม่ของจีนทั้งหมด ที่คว้าแชมป์ ใน 4 รายการหลังโอลิมปิคเป็นนักกีฬาจากชุดเยาวชนชิงแชมป์โลกที่มาแข่งที่กรุงเทพปี 2013 ทั้งสิ้น

 

อีกทีมที่มีการสร้าง”นักแบดใหม่”ที่ต้องจับตาก็คือ มาเลเซีย ที่ได้ Morten Frost เจ้าของฉายา Mr.Badminton มาจัดระเบียบใหม่ในฐานะ”ประธานเทคนิค”ของสมาคมแบดมินตันมาเลเซีย ก็มีนักแบดดาวรุ่งพาเหรดกันขึ้นมารอทดแทนนักแบดรุ่นเก่ามากมาย แถมหลายคนใช้เวลาเพียงปีเศษที่อดีตนักแบดมือ 1 ชาวเดนมาร์คมาดูแล ก็กลายเป็นตัวหลักของทีมไปแล้ว ส่วนประเทศจีนก็มี ลียองโบที่คอยวางแผนกำกับดูแลแบบใกล้ชิด อินโดนีเซียมีเร็กซี่ ไมนากี้ที่เป็นคนคุมนโยบายต่างๆแต่ไทย ขาดคนที่รู้จริงและวางแผนระยะยาวให้กับแบดมินตันไทยและเป็นสิ่งที่น่าเสียดายเพราะเรื่องเหล่านี้ยังไม่เกิดขึ้นกับทีมไทย

 

ถึงวันนี้ อาจจะบอกว่าทีมแบดไทยยัง ”โชคดี” ที่มีนักแบดระดับท๊อปใช้งานกันอยู่หลายคน แต่ดูเหมือนนักแบดชุด B-C ของไทย แทบจะไม่มีโอกาสออกไปแข่งขันในต่างประเทศเพื่อทดสอบฝีมือ  อย่างชายเดี่ยว ภายในปีสองปีนี้ “ซูเปอร์แมน”บุญศักดิ์ พลสนะ ก็คงเลิกเล่นทีมชาติ ไทยอาจจะมองว่ายังมี ”สอง” ทนงศักดิ์ แสนสมบูรณ์สุข ที่ไปคว้าแชมป์ซูเปอร์ซีรีส์ที่เดนมาร์คมา แต่อย่าลืมว่า สองอายุ 26 แล้ว อาจจะยังเล่นเอเชี่ยนเกมส์ครั้งหน้าได้ แต่สำหรับโอลิมปิก 2020 คงไม่ง่ายเพราะสไตล์การเล่นของสองใช้พละกำลังและร่างกายมาก

 

สมาคมแบดมินตันของไทย ได้เคยหันไปมองชุด B-C หรือยังว่าใครพร้อมที่จะขึ้นมาแทน .. หรือหญิงเดี่ยว ไทยยังถือว่ามีดีที่ 4 สาวทั้งเมย์ ครีม พีซ แน๊ต ยังพาเหรดลงสนาม แต่ในความเป็นจริง นอกจากเมย์ ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าในรอบ 2-3 ปีที่ผ่านมา นักแบดสาวไทยไม่มีโอกาสเป็น ”แชมป์” ระดับซูเปอร์ซีรีส์ ที่สำคัญ..อย่าลืมว่า 4 สาวอยู่ในวัยใกล้ๆ กันและอาจจะเลิกราพร้อมๆ กัน ดูกันหรือยัง อีก 3 - 4 ปีเมื่อทั้ง 4 คนเริ่มลดประสิทธิภาพ "ใคร"จะเป็นตัวแทน ยิ่งประเภทคู่ ดูเหมือนไทย”ไม่พร้อม”ที่จะมีตัวตายตัวแทน แต่การได้รับโอกาส ดูจะน้อยไปเมื่อเทียบกับคู่แข่งในย่านเดียวกัน โดยเฉพาะมาเลเซียและอินโดนีเซีย ที่ไทยกับอีกทั้ง 2 ชาติจะแย่งชิงเหรียญทองกันในซีเกมส์ที่มาเลเซีย

 

มาเลยเซีย อินโดนีเซีย มีแล้ว..จะเห็นว่าหลายรายการ นักแบดประเภทคู่ของทั้ง 2 ชาติมี"หน้าใหม่"เข้าถึงรอบลึกๆ ขณะที่ไทยก็มีเพียงประเภทละ 2 ทีม อย่าลืมว่า"ซีเกมส์" แข่งขันช่วงเดียวกับศึกชิงแชมป์โลกที่สก๊อตแลนด์ ซึ่งแน่นอนว่า"บิ๊กเนม"ของทั้งอินโดนีเซียและมาเลเซีย (หรืออาจจะรวมสิงคโปร์) จะต้องยกทัพไปแข่งขันชิงแชมป์โลก หรือถึงตอนนั้น นักแบดทีมชาติไทยอาจจะต้องถอนตัวไม่ไปแข่งขันชิงแชมป์โลก แต่มุ่งมั่นที่จะเอาเหรียญทองซีเกมส์

ลองหาคำตอบว่า ชายคู่ อาร์ท-ต้นน้ำ หรือ บาส-สกาย หญิงคู่ เอิร์ธ-ปอป้อ และกิ๊ฟ-วิว กระทั่งคู่ผสม อาร์ท-เอ็มเอ็ม กับ บาส-ปอป้อ จะต้องตัดใจไม่ไปเวทีชิงแชมป์โลก เพื่อลงแข่งขันซีเกมส์..กระนั้นหรือ ถึงเวลาแล้ว..ที่สมาคมกีฬาแบดมินตันไทย จะต้อง"จริงจัง"กับนักแบดชุด B-C โดยไม่ต้องรอวันหน้าเริ่มวันนี้เสียเลย ..เชื่อว่ายังทันที่จะหาตัวตายตัวแทน "ใช้เวลากับการสร้างและส่งเสริมนักกีฬาไทยดีกว่าไปสร้างภาพของความสำเร็จที่ไม่ใช่การสร้างนักกีฬารุ่นใหม่เพื่อทดแทนรุ่นพี่ๆ ที่นับวันจะโรยราเพราะรับใช้ชาติมานานแสนนาน"

(ดอกปีกไก่)