วันนี้ 29 เมษายน 2019 จะเป็นวันแรกของการเก็บคะแนนสะสมสำหรับการแย่งชิงโควตาเพื่อไปร่วมศึกโอลิมปิก โตเกียว 2020 โดยจะนับคะแนน 1 ปีเต็ม โดยจะสิ้นสุดการลงแข่งขันเพื่อสะสมคะแนนในวันที่ 26 เมษายน 2020 และจะประกาศผลการแข่งขันของนักกีฬาแบดมินตันว่านักกีฬาคนไหนจากชาติไหน จะได้สิทธิ์ไปร่วมศึกโตเดียว 2020 ในวันที่ 30 เมษายน 2020

หลักการเบื้องต้นง่ายๆก็คือ นักแบดมินตันประเภทเดี่ยวทั้งชายและหญิงที่ติดอันดับ 16 คนแรกสามารถผ่านเข้ารอบไปแข่งขันโดยอัตโนมัติ ส่วนประเภทคู่ นักกีฬาที่ได้อันดับ 1-8 ก็จะได้ไปแข่งขันโดนอัตโนมัติ

กฎนี้มีเงื่อนไขคือ แต่ละชาติจะมีนักกีฬาได้ไม่เกินประเภทละ 2 คนหรือ 2 คู่ ขณะที่”ญี่ปุ่น”ที่เป็นเจ้าภาพ ที่หากนักกีฬาประเภทเดี่ยวไม่ติดอันดับ 16 คนแรกก็จะได้สิทธิพิเศษ 1 คนในแต่ละประเภท ซึ่งมองตามความจริง เงื่อนไขนี้ก็คงไม่ต้องใช้
 

การติดอันดับตามโควตาต่างชาติ หากนักกีฬาชาติไปหนได้เกิด 2 คนหรือ 2 คู่ เช่น ชายเดี่ยวจีน ญี่ปุ่น และอินโดนีเซียมี 16 อันดับแรกอยู่ 3 คน หรือในประเภทหญิงคู่ ญี่ปุ่นในถึง 4 ใน 8 คู่ นั่นหมายความว่า ทำให้ชาติอื่นได้รับโควตา 2 คนยากลงไป เช่นในชายเดี่ยว จีน ญี่ปุ่น และอินโดนีเซีย จะตัดโควตาชาติอื่นที่จะเข้ารอบอัตโนมัติไปแล้วถึง 3 คน หรือญี่ปุ่นในประเภทหญิงคู่ ก็ตัดโควตาชาติที่เข้ารอบอัตโนมัติไปถึง 2 คู่ และที่ไม่น่าเชื่อก็คือหญิงเดี่ยว ที่มีนักกีฬาจีนติด 16 อันดับแรกถึง 4 คนโดย LI Xuerui แชมป์หญิงเดี่ยวโอลิมปิก 2012 ขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 14 ขณะที่ญี่ปุ่นมีเพียง 3 คน

สำหรับประเภทเดี่ยว นักกีฬาชาติไหนที่ไม่ติดอันดับ 16 คนแรก ก็จะได้รับสิทธิ์ชาติละหนึ่งคน แต่โควตานี้ ก็จะขึ้นอยู่กับโควตาของทวีปและประเทศ ตามประกาศของคณะกรรมการโอลิมปิกสากล ส่วนประเภทคู่ ชาติไหนที่มีนักกีฬาทำคะแนนอันดับที่ 9 ขึ้นไป ก็จะได้รับสิทธิ์เพียงชาติละ 1 คู่ และใช้โควตาอันดับตามฝีมือของทวีปและประเทศตามระเบียบของคณะกรรมการโอลิมปิกสากลเช่นกัน โดยจะต้องมีผู้เล่นจากทั้ง 5 ทวีปเข้าร่วมแข่งขัน
 

ดังนั้น การแข่งขัน BARFOOT & THOMPSON New Zealand Open 2019 รายการระดับ HSBC BWF World Tour Super 300 ที่จะเริ่มพรุ่งนี้(30เม.ย.) ที่เมือง Auckland ประเทศนิวซีแลนด์ จะเป็นรายการแรกของการเก็บคะแนนสะสม สำหรับนักกีฬาไทย นับถึงวันนี้ ถือว่ายังมีโอกาสไปร่วมศึกโอลิมปิก 2020 ครบทุกประเภท แต่ในช่วง 1 ปีจากนี้ไป จะต้องลงแข่งขันและทำผลงานให้ดีที่สุด เช่น ในประเภทชายเดี่ยว “เพชร”โฆษิต เพชรประดับ อยู่อันดับ 17 ขณะที่”กัน”กันตภณ หวังเจริญ อยู่อันดับ 18 และ “เพชร”มีชื่อเข้าร่วมศึก New Zealand Open 2019 ในฐานะมือ 8 ประเภทชายเดี่ยว และทั้ง”เพชร”กับ”กัน”ก็มีคะแนนตามหลังอันดับ 16 คือ NG Ka Long Angus จากฮ่องกงอยู่แค่ 2 พันกว่าคะแนน

ในประเภทหญิงเดี่ยว “เมย์”รัชนก อินทนนท์ อยู่อันดับ 8 ของโลก ขณะที่”หมิว”พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์ อยู่อันดับ 20 โดยคะแนนสะสมของ”หมิว”ตามหลังอันดับ 16 คือ Gregoria Mariska TUNJUNG จากอินโดนีเซียอยู่ 2 พันคะแนนกว่า จึงขึ้นอยู่กับ”หมิว”ว่าจะทำผลงานในรอบปีจากนี้ไปได้ดีแค่ไหน รวมทั้ง”ครีม”บุศนันทน์ อึ๊งบำรุงพันธุ์ ที่อยู่อันดับ 24 ที่มีคะแนนตามหลังอันดับ 16 อยู่ประมาณ 5 พันคะแนน 
 
ประเภทชายคู่ เป็นประเภทที่นักกีฬาไทยไม่ติดอันดับ 25 คู่แรก โดยนักกีฬาชายคู่ไทยที่อันดับดีที่สุดขณะนี้คือ “อาร์ท-เอ”บดินทร์ อิสระ / มณีพงศ์ จงจิตร อยู่อันดับ 34 และ”ติน-ดีโก้”ติณณ์ อิสริยะเนตร / กิตติศักดิ์ นามเดช อยู่อันดับ 35 และ”อาร์ท-เอ”มีชื่อไปแข่งขันที่นิวซีแลนด์ด้วย โดย”อาร์ท-เอ”มีคะแนนตามหลังอันดับ 8 คือ Kim ASTRUP / Anders Skaarup RASMUSSEN จากเดนมาร์คถึง 3 หมื่นคะแนน จึงไม่ใช่งานง่ายที่จะได้โควตาอัตโนมัติ
 
ในประเภทหญิงคู่ “กิ๊ฟ-วิว”จงกลพรรณ กิติธรากุล / รวินดา ประจงใจ อันดับร่วงไปอยู่ที่ 10 ส่วน”เอิร์ธ-ปอป้อ” พุธิตา สุภจิรกุล / ทรัพย์สิริ แต้รัตนชัย อยู่อันดับ 22 โดย”กิ๊ฟ-วิว”มีคะแนนตามหลัง  DU Yue / LI Yinhui ที่อยู่อันดับ 8 ไม่ถึง 2 พันคะแนน แต่ก็มี JUNG Kyung Eun / CHANG Ye Na จากเกาหลีที่อยู่อันดับ 11 และมีคะแนนน้อยกว่า”กิ๊ฟ-วิว” แค่ 5 พันคะแนนและพร้อมจะชิงโควตาอันดับ 8 เช่นเดียวกับคู่จีน ที่คงไม่ยอมทิ้งอันดับ 8 ง่ายๆเพื่อไปโอลิมปิกในฐานะคู่ที่ 2 ของจีน
 
ปิดท้ายคู่ผสม “บาส-ปอป้อ” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ / ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย อยู่อันดับ 4 ของโลก ขณะที่”ต้นน้ำ-เอ็มเอ็ม”นิพิฐพนธ์ พวงพั่วเพชร / สาวิตรี อมิตรพ่าย อยู่อันดับ16 โดยหากไม่บาดเจ็บหรือฟอร์มตก เชื่อว่า”บาส-ปอป้อ”จะได้สิทธิไปโอลิมปิกแน่นอน
 
ปัญหาของคู่นี้จึงอยู่ที่การตัดสินใจของทางต้นสังกัดว่าจะให้”ปอป้อ”ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย ลงเล่นทั้ง 2 ประเภท ซึ่งจะทำให้ร่างกายอ่อนล้าและเสี่ยงต่อการบาดเจ็บต่อไปหรือไม่ เพราะในกรณีใกล้เคียงกัน ทีมสตาฟฟ์โค้ชจีน ตัดสินใจพักคู่ผสม ZHANG Nan / LI Yinhui โดยให้ ZHANG Nan ไปเน้นที่ประเภทชายคู่ ขณะที่ LI Yinhui ก็ลงแข่งขันเฉพาะหญิงคู่ที่ยังมีโอกาสสูงที่จะไปโอลิมปิก



นั่นหมายความว่าโอกาสของนักกีฬาไทยที่จะไปโอลิมปิก 2020 ที่แน่นอนแล้ว 2 ประเภทคือหญิงเดี่ยวกับคู่ผสม ขณะที่ชายเดี่ยวและหญิงคู่ ก็ยังมีโอกาสไม่น้อย ส่วนชายคู่ ต้อบอกว่าเป็นเรื่องยาก เพราะการตามหลังโควตาอันดับ 8 ถึง 3 หมื่นคะแนนไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ถึงกับหมดโอกาส เพราะยังมีโควตาสำหรับชาติที่ไม่ติด 8 อันดับแรกอยู่

แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือนักกีฬาต้องเร่งฝึกซ้อมและลงแข่งขัน โดย”กองเชียร์”ทั้งประเทศพร้อมให้กำลังใจเสมอ