แล้วการแข่งขันแบดมินตัน Singapore Open 2018 รายการระดับ HSBC BWF World Tour Super 500 ชิงเงินรางวัล 355,000 เหรียญสหรัฐ ที่สิงคโปร์ ซึ่งเป็นการแข่งขันรายการสุดท้ายก่อนจะเป็นการแข่งขันชิงแชมป์โลกในปลายเดือนนี้ ก็จบลงโดยสรุปสั้นว่า”ญี่ปุ่น”ก็ยังคงเป็น”ญี่ปุ่น”
 

ทั้งนี้ เพราะในรอบชิงชนะเลิศ ญี่ปุ่น อินโดนีเซียและจีน สามารถผ่านเข้ามาชิงชนะเลิศชาติละ 2 ประเภท แต่สุดท้าย มีเพียงญี่ปุ่นที่ได้แชมป์ทั้ง 2 ประเภท ขณะที่อินโดนีเซีย ได้มาเพียงแชมป์เดียว ส่วนจีน พ่ายทั้ง 2 ประเภทที่ลงชิงชนะเลิศ

 

อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นการแข่งขัน Superseries ระดับ World Tour Super 500 แต่ในสัปดาห์หน้า คือวันที่ 30 กรกฎาคม จะมีการแข่งขันชิงแชมป์โลกรายการ TOTAL BWF World Championships 2018 ที่ประเทศจีน ทำให้เหล่า”ซุปตาร์”มือใหญ่ของโลกเลือกที่จะ”พัก” เนื่องจากนี่เป็นรายการที่ 4 ในระดับ Superseries ที่แข่งติดต่อกัน 4 ประเทศใน 4 สัปดาห์

 

โดยในการแข่งขันครั้งนี้ ในตอนเริ่ม แทบจะมีนักแบดมินตันระดับ Topten มาร่วมแข่งขันน้อยมาก โดยชายเดี่ยวมีเพียง CHOU Tien Chen นักแบดมินตันชายเดี่ยวมือ 7 ของโลกเป็นมือ 1 เช่นเดียวกับหญิงเดี่ยวที่”เมย์”รัชนก อินทนนท์ มือ 4 ของโลกเป็นมือวาง 1 แต่ก็ถอนตัว ส่วนหญิงคู่ก็มี  "กิ๊ฟ-วิว" จงกลพรรณ กิติธรากุล - รวินดา ประจงใจ คู่มือ 9 ของโลกที่ถูกวางเป็นมือ 1 ของรายการ

 

“บิ๊กเนม”จริงๆคงเป็น Tontowi AHMAD - Liliyana NATSIR แชมป์โลกและคู่ผสมมือ 1 โลกที่เลือกมาลงแข่งเพื่อเตรียมพร้อมก่อนไปป้องกันแชมป์โลก

 

ดังนั้น แม้ผลการแข่งขันอาจจะออกมาโดยผิดคาด และอาจจะไม่สามารถสรุปได้ว่าเป็นความสำเร็จหรือล้มเหลว แต่ก็ถือว่าเป็นผลการแข่งขันที่แสดงให้เห็นว่านักกีฬาที่”พร้อมกว่า” ย่อมสร้างผลงานได้ดีกว่า และนี่คงเป็นคำตอบว่าทำไมจึงกล่าวว่า”ญี่ปุ่น”ยังไงก็ยังเป็น”ญี่ปุ่น”

 

เมื่อมาดูผลการแข่งขันแต่ละประเภท ในประเภทชายเดี่ยว CHOU Tien Chen ก็โชว์ฟอร์มทำผลงานได้ตามเป้าหมาย เมื่อเอาชนะ HSU Jen Hao เพื่อนร่วมชาติในรอบชิง 21-13 , 21-13 ขณะที่ NG Ka Long Angus นักแบดชายเดี่ยวมือ 10 ของโลก ที่เป็นมือวางอันดับ 2 ก็จบเส้นทางแค่รอบ 2 เท่านั้น

 

ในประเภทหญิงเดี่ยว เมื่อ”เมย์”ไม่มาแข่งขัน “แน๊ต”ณิชชาอร จินดาพล มือ 2 ของรายการก็เป็นมือวางสูงสุด และมาไกลแค่รอบรอง เมื่อพ่าย GAO Fangjie ดาวรุ่งจีนที่ขยับมาเป็นมือ 16 โลก และแชมป์ก็เป็นของ Sayaka TAKAHASHI นักแบดมือ 18 โลกที่เป็นมือ 5 ของรายการ ที่กำลังพัฒนาขึ้นมาเป็นหญิงเดี่ยวมือ 3 ของญี่ปุ่น

 

โดยในประเภทหญิงเดี่ยวนี้ ทั้ง Beiwen ZHANG นักแบดมือ 11 โลกจากอเมริกา และ Michelle LI หญิงเดี่ยวมือ 13 โลกจากแคนาดา ถือเป็น 2 ผู้เล่นที่ลงแข่งขันครบทั้ง 4 รายการ เพราะเมื่อเดินทางมายังอาเซียนก็ตัดสินใจลงแข่งโดยไม่ต้องเสียเวลาและงบประมาณเดินทางกลับประเทศ และลงเล่นรายการหลังๆในสภาพร่างกายที่อ่อนล้าเพราะการเล่นติดต่อกันนานทั้งเดือน

 

ในประเภทชายคู่ Mohammad AHSAN - Hendra SETIAWAN อดีตคู่มือ 1 โลกก็แสดงให้เห็นว่าหากร่างกายพร้อม พวกเขาก็ยังคงแข็งแกร่ง และสามารถคว้าแชมป์เมื่อเอาชนะ OU Xuanyi - Xiangyu REN คู่ดาวรุ่งจากจีนในรอบชิง 21-13 , 21-19 ขณะที่คู่มือ 1 ของรายการ คือ LIAO Min Chun - SU Ching Heng ชายคู่มือ 10 โลกตกรอบแรก

 

ส่วนในประเภทหญิงคู่ ที่กล่าวกันว่าเป็นยุคของนักแบดมินตันจากญี่ปุ่น ก็เป็นไปตามนั้น เมื่อ 4 สาวจากญี่ปุ่นขิงชนะเลิศกันเอง และเป็น Ayako SAKURAMOTO - Yukiko TAKAHATA คู่มือ 5 ของรายการ ที่ชนะ”กิ๊ฟ-วิว” คู่มือ 1 ในรอบรองฯ คว้าแชมป์เมื่อเอาชนะ Nami MATSUYAMA - Chiharu SHIDA อย่างสนุก 2-1 เกม 16-21 ,24-22 , 21-13

 

ปิดท้ายในประเภทคู่ผสม และเป็น GOH Soon Huat - Shevon Jemie LAI คู่มือวางอันดับ 2 ของรายการ เอาชนะคู่แชมป์โลก Tontowi AHMAD - Liliyana NATSIR 21-19 , 21-18 โดยในรายการนี้ คู่มือ 8 ของโลกจากมาเลเซียคู่นี้ แสดงความมุ่นมั่นเป็นพิเศษเพื่อคว้าแชมป์ เพราะแม้อันดับโลกจะดีกว่า CHAN Peng Soon - GOH Liu Ying ที่ขยับอันดับเข้ามาเป็นอันดับ 9 แล้ว แต่ทั้งคู่ก็ยังคงถูกมองว่าเป็นรองคู่เหรียญเงินโอลิมปิก แถมเจอกันครั้งล่าสุดที่อินโดนีเซีย ก็เป็น CHAN Peng Soon - GOH Liu Ying เอาชนะไม่ยากนักในการเจอกันรอบแรก

 
แม้รายการ Singapore Open 2018 ที่จบลงนี้ เป็นรายการระดับ HSBC BWF World Tour Super 500 แต่ก็ถือเป็นเวทีของนักกีฬาระดับรอง เพราะเป้าหมายของนักแบดมินตันมือใหญ่ของโลกก็คือสัปดาห์หน้าในศึกชิงแชมป์โลก แต่หลายคนที่มาแข่งขันรายการนี้ แม้อาจจะไม่ได้แชมป์คิดมือกลับไป แต่ก็ถือว่าได้รับการทดสอบก่อนลงชิงชัยศึกชิงแชมป์โลกแน่นอน



รวมทั้งนักกีฬาไทยที่ต้องเตรียมส่งใจเชียร์กันอีกครั้ง